เนสท์เล่ ประเทศไทย เปิดตัวโมเดลฟาร์มโคนมยั่งยืน ด้วยหลักการ "การเกษตรเชิงฟื้นฟู" (Regenerative Agriculture) มุ่งเน้นการปกป้องสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและส่งมอบผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสู่ผู้บริโภค
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผลผลิตน้ำนมดิบประมาณ 2,800-3,000 ตันต่อวัน แม้ว่าตลาดนมพร้อมดื่มเติบโตขึ้น 7% แต่ปริมาณการผลิตน้ำนมดิบกลับลดลง เนื่องจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ภาวะโลกร้อน และจำนวนเกษตรกรโคนมที่ลดลง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมโคนมยังเป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทน หากไม่มีการจัดการฟาร์มอย่างครบวงจร
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "น้ำนมดิบเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ เช่น ไมโล ตราหมี และเนสกาแฟ เราให้ความสำคัญกับการจัดหาน้ำนมดิบคุณภาพดีจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050"
โมเดลฟาร์มโคนมต้นแบบ: ปกป้อง-ทดแทน-ฟื้นฟู
เนสท์เล่ร่วมมือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทยมากว่า 40 ปี โดยส่งเสริมหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูที่เน้นการปกป้องและฟื้นฟูดิน สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมีด้วยปุ๋ยอินทรีย์จากมูลวัว และใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์
นายศิรวัจน์ ปิณฑะดิษ นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "เราแนะนำให้เกษตรกรปลูกหญ้าผสมถั่วหลากหลายชนิดเป็นอาหารวัว ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 กก. ต่อตัวต่อวัน มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 11.7 กก. นอกจากนี้ ระดับโปรตีนในนมเพิ่มขึ้นเป็น 3.02% บ่งบอกถึงสุขภาพแม่โคที่สมบูรณ์"
เนสท์เล่ยังส่งเสริมการจัดการมูลโคโดยการตากแห้งเพื่อนำมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ในแปลงหญ้า ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรกว่า 40,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ การติดตั้งบ่อไบโอแก๊สยังช่วยนำก๊าซมีเทนมาใช้เป็นแก๊สหุงต้ม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาด้านไฟฟ้า เนสท์เล่สนับสนุนการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์สำหรับสูบน้ำบาดาล ใช้ในแปลงหญ้าและครัวเรือน ช่วยลดต้นทุนพลังงาน และเพิ่มความมั่นคงด้านสาธารณูปโภค
เกษตรกรได้รับประโยชน์ เพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิต
นายวรวัฒน์ เวียงแก้ว เกษตรกรโคนมจากอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "การร่วมงานกับเนสท์เล่ทำให้เราได้เรียนรู้วิธีเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน มีการนำหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูมาใช้ ทำให้ฟาร์มของเราสามารถผลิตน้ำนมดิบคุณภาพสูง ส่งขายในราคาที่เป็นธรรม และยังมีรายได้เสริมจากการขายปุ๋ยคอก"
จนถึงปัจจุบัน เนสท์เล่ได้ถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรเชิงฟื้นฟูแก่เกษตรกรกว่า 160 ฟาร์ม และมีฟาร์มที่ดำเนินการตามหลักการนี้ครบวงจรกว่า 40 ฟาร์ม นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผ่านสหกรณ์โคนมในราคาที่เป็นธรรม สร้างความมั่นใจในตลาดรองรับผลผลิต
มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero 2050
เนสท์เล่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ตามแผนงาน Net Zero 2050 โดยจะเดินหน้าส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟู และพัฒนาผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ยอดนิยม เช่น ไมโล ตราหมี และเนสกาแฟ ที่จัดหาน้ำนมดิบจากฟาร์มโคนมที่ดำเนินงานอย่างยั่งยืน
การดำเนินงานของเนสท์เล่ในการส่งเสริมฟาร์มโคนมยั่งยืน ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร สร้างความมั่นคงด้านอาหาร และส่งมอบผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสู่ผู้บริโภคไทย