นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินธุรกิจของซีคอนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 นั้น ใกล้เคียงกับผลการดำเนินธุรกิจช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาโดยมียอดจองประมาณ 1,060 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยบวกของการเปิดตัวแบบบ้าน Greenery Series เมื่อช่วงต้นปีที่สะท้อนถึงแรงบันดาลใจในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน จนสามารถสร้างกระแสตอบรับที่ดีและสร้างยอดขายได้สูงถึง 100 ล้านบาทภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ทั้งยังคงครองความนิยมมาถึงปัจจุบัน โดยในส่วนโรงงานผลิตชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูป ซีคอน พรีคาสท์ แฟคทอรี่ (SEACON Precast Factory) นั้น ในปี 2567 สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างดี เพราะมีการดำเนินการผลิตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีลูกค้าภายนอกอีกหลายรายที่สั่งผลิตชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปเพื่อใช้สำหรับบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเม้นท์ โกดัง และงานโครงการ รวมตลอด 3 ไตรมาส มีรายได้รวมประมาณ 100 ล้านบาท จากการผลิตชิ้นส่วน จำนวน 20,000 ชิ้นโดยประมาณ
ในช่วงปลายปี 2567 ซีคอน ได้เดินหน้ารุกตลาดอีกครั้ง ด้วยการพัฒนาแคมเปญพิเศษสานฝันข้าราชการไทย ที่ต้องการสร้างบ้านกับซีคอน โดยกลุ่มข้าราชการไทยถือเป็นลูกค้ากลุ่มหลักที่ให้ความไว้วางใจสร้างบ้านกับซีคอน มากว่า 60 ปี ซีคอน จึงอยากสานฝันในเรื่องของที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของทุกคน และใช้งบประมาณไม่มากสำหรับการสร้างบ้าน 1 หลัง ซีคอนจึงต้องการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มข้าราชการให้มีบ้านตามที่มุ่งหวัง “ข้าราชการเป็นกลุ่มคนที่ทำงานเพื่อประชาชนมานาน แม้รายได้ที่มีอาจไม่สูงมาก แต่ก็มีความฝันอยากมีบ้านของตนเอง อีกทั้งข้าราชการไทย มีข้อได้เปรียบในเรื่องของดอกเบี้ยที่ได้รับในอัตราพิเศษ ซีคอน จึงอยากสร้างฝันให้เป็นจริงสำหรับข้าราชการไทยในเรื่องของที่อยู่อาศัย ด้วยการนำเสนอแบบบ้าน Your Home Series (Your Home : Your Family) ให้เป็นหนึ่งในทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน” นายมนู กล่าวถึงแคมเปญบ้านเพื่อข้าราชการไทย กลยุทธ์ใหม่ส่งท้ายปี 2567
ทั้งนี้ แบบบ้าน Your Home Series (Your Home : Your Family) มีให้เลือกรวม 6 แบบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวขนาดชั้นเดียว จำนวน 2 แบบ และบ้านเดี่ยวขนาด 2 ชั้น จำนวน 4 แบบ ระดับราคาเริ่มต้นที่ 1.399 ล้านบาท โดยซีคอน ได้จัดโปรโมชันสุดคุ้มกับราคาช่วงเปิดตัวด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.50% จำนวนจำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น
ด้านมุมมองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น นายมนู แสดงความเห็นว่า “พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่นั้นต้องการเน้นความคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุด สังเกตเห็นชัดว่าในปีนี้ผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่ง ซีคอน เองก็เห็นถึงข้อกังวลของผู้บริโภคในส่วนนี้ บริษัทฯ จึงกำหนดกลยุทธ์ในการควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค ประกอบไปด้วย 3 ด้านด้วยกัน คือ 1. มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนกึ่ง
สำเร็จรูปที่สามารถบริหารจัดการด้านราคางานโครงสร้างได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นโรงงานที่มีมาตรฐาน วัสดุผ่านการ คัดสรร มีการควบคุมจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะในทุกๆ ขั้นตอน รวมทั้งมีการติดตั้ง Solar Cell เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ 2. ยังคง “ยืนราคาเดิม” ให้กับผู้บริโภค เพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านในช่วงเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน และ 3. ซีคอนเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งได้รับปัจจัยบวกทางด้าน “การลดหย่อนภาษีการสร้างบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน มูลค่า 1 ล้านบาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท (ราคาบ้านไม่เกิน 10 ล้านบาท) โดยเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีการเซ็นสัญญา และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568”
นอกจากความคุ้มค่าด้านคุณภาพ ราคา และเงื่อนไขทางการเงินพิเศษที่ ซีคอน มอบให้แก่ผู้บริโภคแล้ว การคืนกลับสู่สิ่งแวดล้อมและชุมชนก็เป็นประเด็นสำคัญที่ ซีคอน กำหนดกลยุทธ์ในการส่งเสริมด้วยเช่นกัน โดยได้นำแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเข้ามาพัฒนาใช้ในหลากหลายห่วงโซ่คุณค่า ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะด้านธุรกิจเพียงมิติเดียว แต่ได้ดำเนินการและรณรงค์ให้พนักงาน รวมถึงจับมือกับพันธมิตร ดำเนินการด้วยแนวคิด “ลดเพื่อรักษ์” ร่วมกันสร้างสรรค์โครงการต่างๆ
อาทิ การพัฒนาเสื้อยูนิฟอร์มสำหรับพนักงานที่ ช่วยในเรื่อง ลดการใช้พลังงาน ทำมาจากผ้า Micro Block ผ้าระบายอากาศดี ไม่ต้องรีดลดการใช้ไฟ ทำความสะอาดง่ายลดการใช้น้ำ ลดอุณหภูมิร่างกาย ลดปริมาณสารเคมี และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน การสร้างสรรค์โครงการ SEACON ลดเพื่อรักษ์ ลดการใช้ฉลากจากขวดน้ำดื่ม เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนด้วยการจับมือร่วมกับพันธมิตรผลิตขวดน้ำดื่มที่ไร้ฉลาก รักษ์โลก ภายใต้แบรนด์ซีทรู (C2 water) น้ำดื่มแบรนด์ของคนไทยที่สามารถรีไซเคิลทุกส่วนของขวดน้ำดื่มได้ 100% โครงการ SEACON เลือกใช้พลังงานสะอาด โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงคุณภาพอากาศ และลดปัญหาการสะสมก๊าซต่างๆ ในชั้นบรรยากาศด้วยการติดตั้ง Solar Cell ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูป “ระบบซีคอน” ขนาด 100 kWp 152 Modules เพราะตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และผลักดันให้เป็นกำลังสำคัญในการเดินทางไปสู่อนาคตแห่งความยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังได้คัดสรรเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ เข็มกดไฮโดรลิค ช่วยลดมลภาวะทางเสียงและแรงสั่น สะเทือนที่จะกระทบต่อชุมชนใกล้เคียง อิฐมวลเบา ช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีและยึดหลักการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน ฉนวนกันความร้อน ช่วยป้องกันความร้อนที่มาจากโถงหลังคา ผ่านฝ้าเพดานลงมาสู่ตัวบ้าน ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ได้รับฉลากเขียวในการรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดความร้อนได้เป็นอย่างดี สี ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง หรือโรคภัยต่างๆ จึงคัดเลือกสีที่ไม่มีส่วนผสมของสารฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกคนภายในบ้านในระยะยาว อลูมิเนียม ช่วยในเรื่องการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เพราะเป็นนวัตกรรมปลอดสารก่อมะเร็ง โดยเลือกใช้สาร “เซอร์โคเนียม” แทนสารกลุ่มโครเมี่ยม ผลิตภัณฑ์จากไทยเมทัลจึงปลอดภัย ปราศจากสารก่อมะเร็ง 100% และช่วยลดปัญหาก๊าซเรือนกระจกในด้านการผลิตอีกด้วย วัสดุปูพื้น SPC นอกเหนือจากกระเบื้องแล้ว ยังคัดสรรวัสดุทดแทนไม้ อย่างเช่น พื้น SPC มาใช้ เพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น