เมื่อพูดถึงแบรนด์ Brooks ภาพจำที่ชัดเจนคงหนีไม่พ้นรองเท้าวิ่งที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและความสบายที่ตอบโจทย์นักวิ่งทั่วโลก แต่ครั้งนี้ Brooks ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัวรองเท้ารุ่น STAPLE x Adrenaline GTS 4 ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของแบรนด์ในตลาดรองเท้าสไตล์ชีวิตประจำวัน (Lifestyle Sneakers) นี่ไม่ใช่แค่การปรับโฉมผลิตภัณฑ์ แต่คือการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่มาพร้อมกับการร่วมมือกับ Jeff Staple นักออกแบบชื่อดังในวงการ
การฟื้นคืนชีพของ GTS 4
Adrenaline GTS 4 เดิมทีเปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 และเป็นที่จดจำในฐานะรองเท้าวิ่งที่เน้นความมั่นคงในการก้าว Brooks ได้นำรองเท้ารุ่นนี้กลับมาปัดฝุ่นใหม่ในเวอร์ชันที่ทันสมัยขึ้น แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยคุณสมบัติเช่นเบาะรองส้นเท้าแบบเจล Hydroflow การผสมผสานองค์ประกอบการออกแบบของ Jeff Staple เพิ่มเติมความร่วมสมัย ทำให้รองเท้าคู่นี้ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งานแต่ยังสะท้อนถึงสไตล์ของผู้สวมใส่
วางตำแหน่งใหม่ในตลาด "จากสนามวิ่งสู่สนามแฟชั่น"
Matt Weis หัวหน้าฝ่ายไลฟ์สไตล์ของ Brooks เน้นว่าการก้าวสู่ตลาดรองเท้าผ้าใบไลฟ์สไตล์นั้นเป็นความจำเป็นที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งไม่ต้องการจำกัดแบรนด์ไว้เพียงรองเท้าสำหรับการวิ่งเท่านั้น แต่ยังมองหาแฟชั่นที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเป้าหมายของ Brooks คือการเป็น "ผู้เล่นทางวัฒนธรรม" ที่สามารถก้าวข้ามความเป็นแบรนด์กีฬาไปสู่การครองใจในวงการแฟชั่นเช่นเดียวกับ New Balance และ Hoka ที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้
โอกาสทองในตลาดมูลค่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
Grand View Research ระบุว่าตลาดรองเท้ากีฬาทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 109,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ขณะที่ตลาดรองเท้าวิ่งในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงถึง 7,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตลาดรองเท้าผ้าใบไลฟ์สไตล์เพิ่มมูลค่าอีก 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ Brooks อาจจะเข้าสู่ตลาดนี้ช้ากว่าคู่แข่ง แต่ความมั่นใจของบริษัทว่าตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความรอบคอบ
กลยุทธ์ที่แตกต่างเพื่อความยั่งยืน
แทนที่จะเดินตามแนวทางการขายตรงถึงผู้บริโภคแบบทั่วไป Brooks เลือกสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ผ่านการสร้างพันธมิตรระยะยาวกับผู้ค้าปลีกชั้นนำราว 40 รายในช่วง 18 เดือนข้างหน้า การจำกัดช่องทางการจัดจำหน่ายเช่นนี้ช่วยเสริมความเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งรักษาความน่าเชื่อถือและความพิเศษในสายตาผู้บริโภคได้อย่างมั่นคง
กลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงการวางแผนอย่างรอบคอบของ Brooks ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการกระจายสินค้า แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในเครือข่ายธุรกิจ และช่วยยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ให้โดดเด่นและยั่งยืน ต่างจากคู่แข่งที่มักเน้นขยายช่องทางจำหน่ายอย่างกว้างขวางจนเสี่ยงต่อการลดคุณค่าของแบรนด์ในระยะยาว
อนาคตของ Brooks กับความท้าทายที่รออยู่
แน่นอนว่าก้าวสู่ตลาดใหม่ไม่ได้หมายถึงการเดินทางที่ราบรื่น Brooks ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าช้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและการต้องรักษาความเกี่ยวข้องในวัฒนธรรมแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยการใช้ประโยชน์จากประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง ความร่วมมือกับนักออกแบบที่มีชื่อเสียง และความมุ่งมั่นต่อกลยุทธ์ระยะยาว Brooks มีโอกาสที่ดีในการสร้างรอยเท้าใหม่ในตลาดนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อคว้ากระแส แต่เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงในโลกแห่งแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ Brooks Sports, Inc. หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Brooks Running เป็นแบรนด์รองเท้าและเครื่องแต่งกายกีฬาสัญชาติอเมริกันที่มีจุดเริ่มต้นย้อนไปถึงปี 1914 หรือเมื่อเกือบ 111 ปีที่แล้ว ในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา
เดิมที Brooks เริ่มจากการผลิตรองเท้าสำหรับกีฬาเบสบอล ฟุตบอล และบาสเกตบอล รวมถึงรองเท้าแต่งกายทั่วไป ก่อนจะหันมาให้ความสำคัญกับตลาดรองเท้าวิ่งอย่างเต็มตัวในเวลาต่อมา
ในช่วงแรก Brooks เผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากแบรนด์กีฬาอื่นๆ และต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอด แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นักกีฬา ทำให้แบรนด์สามารถพลิกฟื้นตัวเองและก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรองเท้าวิ่งระดับโลก
Turning Points ที่สำคัญ
1. ยุคเริ่มต้นกับการพัฒนารองเท้าสำหรับกีฬา (1914-1970s)
ในช่วงแรก Brooks มีชื่อเสียงด้านการผลิตรองเท้าสำหรับกีฬาเบสบอลและฟุตบอล โดยเฉพาะรองเท้าเบสบอลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักกีฬา แต่เมื่อเข้าสู่ยุค 1970s กระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพเริ่มแพร่หลายไปทั่วอเมริกา ทำให้ Brooks เริ่มมองเห็นโอกาสในตลาดนี้
2. เปิดตัวรองเท้าวิ่งคู่แรก: Villanova (1974)
การเปิดตัวรองเท้าวิ่ง Villanova ในปี 1974 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ Brooks ก้าวเข้าสู่ตลาดรองเท้าวิ่ง Villanova ได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพและความสบาย ส่งผลให้ Brooks เริ่มสร้างฐานลูกค้าในกลุ่มนักวิ่งได้อย่างมั่นคง
3. รองเท้าวิ่ง Chariot (1982)
ในยุค 80s Brooks เปิดตัวรุ่น Chariot ซึ่งกลายเป็นรองเท้าวิ่งยอดนิยมและยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดแห่งยุค ชื่อเสียงของ Chariot ช่วยยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มนักวิ่งระดับมืออาชีพ
4. Turning Point ครั้งใหญ่: การมุ่งเน้นตลาดรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ (2001)
หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของ Brooks เกิดขึ้นในปี 2001 เมื่อบริษัทตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยเลิกผลิตรองเท้าประเภทอื่นๆ เช่น รองเท้าเทนนิสและบาสเกตบอล เพื่อมุ่งเน้นเฉพาะการพัฒนารองเท้าและอุปกรณ์สำหรับการวิ่งเพียงอย่างเดียว
5. การเปิดตัวเทคโนโลยี BioMoGo และ DNA (2009)
Brooks ยกระดับการแข่งขันในตลาดรองเท้าวิ่งด้วยการเปิดตัว เทคโนโลยีพื้นรองเท้า BioMoGo และ DNA ซึ่งผสมผสานการคืนพลังงาน การดูดซับแรงกระแทก และการปรับตัวตามน้ำหนักและแรงของนักวิ่งแต่ละคน นวัตกรรมนี้ช่วยสร้างจุดขายที่โดดเด่นและผลักดันให้ Brooks ได้รับรางวัลและการยอมรับจากนักวิ่งทั่วโลก
6. เข้าร่วมเครือข่าย Berkshire Hathaway (2006)
การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือ Berkshire Hathaway ภายใต้การบริหารของ Warren Buffett ถือเป็น Turning point ที่ช่วยให้ Brooks มีเสถียรภาพทางการเงินและสามารถลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น
7. เติบโตสู่ตลาดระดับโลก (2010s)
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Brooks ได้ขยายตลาดไปยังยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและจีน ซึ่งกลุ่มนักวิ่งเพื่อสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็ว
8. สร้างความยั่งยืนในธุรกิจ (2020s)
Brooks ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นพัฒนารองเท้าที่ใช้วัสดุรีไซเคิลและลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต เป้าหมายดังกล่าวสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภครุ่นใหม่
ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2024 Brooks Running สร้างรายได้ทั่วโลกทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทบรรลุเป้าหมายนี้ก่อนเริ่มไตรมาสที่สี่ ในสหรัฐอเมริกา Brooks ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มรองเท้าวิ่งสำหรับผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในร้านค้าปลีกระดับประเทศต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 11 และยังคงครองอันดับหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกรองเท้าเฉพาะทางจนถึงไตรมาสที่สามของปี 2024 ในตลาดยุโรป เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส Brooks มีการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2.2 จุดและ 1.0 จุดตามลำดับในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกของ Brooks ในปัจจุบัน