“ทิชชู่เปียก” หรือ “ผ้าเปียก” กำลังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ โดยมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระตุ้นให้คนหันมาใส่ใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยกันอย่างจริงจัง เป็นตัวเร่งกระแสความนิยม
ถ้าลองสำรวจในท้องตลาดจะพบว่า ปัจจุบันมีแบรนด์ทิชชู่เปียกอยู่หลายสิบแบรนด์ ทั้งแบรนด์จากต่างประเทศและแบรนด์ของคนไทย หนึ่งในนั้นคือ “ฮากุ” (HAKU) แบรนด์ไทยภายใต้การผลิตของ บริษัท ปิ่นเพชร โกลบอล จำกัด ที่อยู่ในตลาดมานานกว่าทศวรรษ และที่สำคัญ ปิ่นเพชร โกลบอล ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์ทิชชู่เปียกชั้นนำหลากหลายแบรนด์ในท้องตลาดอีกด้วย
MarketPlus จะพาไปทำความรู้จักกับ “ปิ่นเพชร โกลบอล” และตลาดทิชชู่เปียกที่เรียกได้ว่าเป็น Red Ocean อยู่ในขณะนี้ให้มากขึ้น กับ ดร. กฤต เลิศเศรษฐการ Managing Director และ ณัฐรดี วัชรปรีชานนท์ Sales & Marketing Director สองหัวเรือใหญ่แห่งบริษัท ปิ่นเพชร โกลบอล จำกัด
“จุดเริ่มต้นมาจากความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดและสุขอนามัย ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ’ทิชชู่เปียก’ ถือเป็นสินค้าที่ต่างประเทศนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว แต่ในประเทศไทยตอนนั้นนับแบรนด์ได้เลย มีอยู่แค่ 2-3 แบรนด์ในตลาด และมีเฉพาะกลุ่มสำหรับเด็กอย่างเดียว รูปแบบก็เป็นแบบกระป๋องกลมๆ แล้วดึงเอา ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่าโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและผู้คนจะหันมาใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยและความสะอาดกันมากขึ้น ซึ่งทิชชู่เปียกคือสินค้าที่ตอบโจทย์และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เราเห็นความสำคัญตรงนี้จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ทิชชู่เปียกขึ้นมา กระทั่งในปี 2560 จึงได้ก่อตั้งโรงงานปิ่นเพชร โกลบอล ขึ้นในที่สุด บวกกับทางคุณณัฐรดีเองจบการศึกษามาทางด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง จึงสามารถนำองค์ความรู้ดังกล่าวมาต่อยอดได้เป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของเทคโนโลยี การวิจัย และพัฒนาทิชชู่เปียกให้ได้มาตรฐานและตอบโจทย์ผู้บริโภค” ดร. กฤต เลิศเศรษฐการ เกริ่นถึงจุดเริ่มต้นในการกระโดดเข้าสู่ตลาดทิชชู่เปียกของปิ่นเพชร โกลบอล
หลังปักธงกระโดดเข้าตลาดทิชชู่เปียก ปิ่นเพชร โกลบอล ได้คิดค้นและพัฒนาสูตรทิชชู่เปียกเพื่อตอบโจทย์และสร้างความแตกต่างให้กับตลาด โดยผลิตภัณฑ์แรกคือ “4 sides seal” รีเฟรชชิ่งทิชชู่แบบซองรีดขอบ 4 ด้าน โดยเป็นแบรนด์ที่ปิ่นเพชร โกลบอล ผลิตมาเพื่อขายให้กับ Catering ของการบินไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่ยังคงผลิตมาตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน และมียอดสั่งซื้ออย่างสม่ำเสมอ
นอกจากผลิตภัณฑ์แรกแล้ว ปิ่นเพชร โกลบอล ยังเดินหน้าพัฒนาสูตรทิชชู่เปียกอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตทิชชู่เปียกที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยมีทั้งแบรนด์ของตัวเองและการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ต่างๆ
“พอพูดถึงทิชชู่เปียกเราไม่ได้พูดถึงแค่เช็ดตัวอย่างเดียว แต่มีทั้งเช็ดรอบดวงตา อวัยวะต่างๆ จุดซ่อนเร้น พื้นผิว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร เรามีศูนย์วิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะที่จะคอยคิดค้นและพัฒนาสูตรทิชชู่เปียกให้เหมาะกับการใช้งาน มีการสำรวจตลาดว่ามีสูตรไหนที่ยังไม่มีใครทำ หรือมีช่องว่างอยู่ หรือมีสูตรไหนที่คู่แข่งเยอะแต่เขายังทำได้ไม่ค่อยดี เราก็จะเข้าไปอุดช่องว่างนั้น”
โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้ปิ่นเพชร โกลบอล ประกอบด้วยทิชชู่เปียกหลากหลายสูตร เช่น ทิชชู่เปียกสำหรับเด็ก ทิชชู่เปียกสำหรับผู้สูงอายุ ทิชชู่เปียกฆ่าเชื้อ ทิชชู่เช็ดเครื่องสำอาง ทิชชู่เปียกสำหรับจุดซ่อนเร้น ทิชชู่เปียกเช็ดรอบดวงตา เช็ดผม ทิชชู่เปียกสำหรับอาบน้ำ ทิชชู่เปียกสำหรับสัตว์มีขน ทิชชู่เปียกแบบมีแอลกอฮอล์ ผ้าเช็ดเลนส์และหน้าจอ เป็นต้น โดยที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์มากกว่า 500 SKU เลยทีเดียว
ณัฐรดี ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า “ส่วนใหญ่คนไทยอาจยังขาดข้อมูลตรงนี้ เพราะมีบางคนที่ใช้ทิชชู่เปียกแบบครอบจักรวาล เช็ดตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งความจริงต้องแยก เพราะแต่ละส่วนในร่างกาย มีค่า PH ที่ต่างกัน ถ้าใช้ผิดอาจเกิดความระคายเคือง ไม่สบายผิว นั่นทำให้เราพัฒนาสูตรทิชชู่เปียกที่เหมาะกับส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ได้มากที่สุด”
ทั้งนี้ ปิ่นเพชร โกลบอล มีแบรนด์ของตัวเองอย่าง EXCARE (เอ็กซ์แคร์), HOYA (โฮญ่า) และ HAKU (ฮากุ) ซึ่งเป็นแบรนด์ทิชชู่เปียกที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในท้องตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ฮากุ เบบี้ ไวพส์” ผ้าเปียกสำหรับเด็ก แบรนด์โปรดของใครหลายคน โดย เบบี้ ไวพส์ ครองสัดส่วนถึง 70% ในพอร์ตฯ ของปิ่นเพชร โกลบอล แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด เพราะหลายๆ แบรนด์ ต่างก็มุ่งหน้าสู่การผลิตเบบี้ ไวพส์ เพื่อป้อนเข้าตลาดตามความต้องการผู้บริโภคเช่นกัน
“แม้จะแข่งกันเดือด แต่ผมมองว่าในอนาคตมันจะแตกไปได้อีกเยอะ ที่สำคัญต้องเอานวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และหนีจากสงครามราคา เพราะตอนนี้ตลาดไทยแข่งกันเรื่องราคาเป็นหลัก”
นอกจากแบรนด์ของตัวเองแล้ว ปิ่นเพชร โกลบอล ยังรับผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ต่างๆ ของลูกค้าอีกด้วย ซึ่งมีแบรนด์ที่คุ้นตาอย่าง Huga, Watsons และมีลูกค้าทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ที่ผ่านมามีการส่งออกไปยังฟินแลนด์ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเตรียมส่งออกทิชชู่เปียกสูตรเย็นไปยังจีน โดยสัดส่วนของ OEM คิดเป็น 60-65% ของพอร์ตฯ ซึ่งถ้าจะเรียกว่าเป็นฐานการผลิตทิชชู่เปียกให้กับแบรนด์ต่างๆ ก็คงไม่ผิดนัก
“ตอนนี้มีลูกค้ามาทำ OEM กับเราประมาณ 5 เจ้า แต่ถ้ารวมทั้งหมดที่ผ่านมามีหลายร้อยราย น่าจะมีถึง 400 แบรนด์ เพราะเราอยากช่วยเหลือลูกค้าที่เป็น SME ที่อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง บางรายงบประมาณอาจจะไม่เยอะ จำนวนการผลิตขั้นต้นอาจไม่ได้มาก ซึ่งเราสามารถช่วยตรงนี้ได้ เพราะมีเครื่องจักร เทคโนโลยี และองค์ความรู้พร้อม จึงพยายามทำให้จำนวนผลิตขั้นต้นเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด เขาสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ด้วยเงินหลักแสนต้นๆ ไม่ต้องสต็อกของเยอะ ที่ผ่านมามีลูกค้าหลายรายเคยสั่ง OEM จากจีน แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาผลิตกับเรา เพราะราคาไม่ต่างกัน มีปัญหาเคลมได้ทันที สะดวก ที่สำคัญสูตรของเราได้มาตรฐานและมีความคงตัวสูง”
ล่าสุด ปิ่นเพชร โกลบอล เดินหน้าขยายธุรกิจกับการลงทุนครั้งใหญ่ อัพเดทเครื่องจักรใหม่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท พร้อมปักหมุดโรงงานใหม่ที่รองรับกำลังการผลิตได้มากกว่าเดิม ตั้งเป้าขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มรายได้แตะหลักร้อยล้าน
“ที่ย้ายมาโรงงานใหม่เพราะอยากขยายไปต่างประเทศมากขึ้น กำลังการผลิตถ้าไม่รีบร้อนก็วันละประมาณ 50,000 ชิ้นต่อวัน แต่กำลังมีโปรเจ็กต์ที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ที่ต้องผลิต 2 ล้านชิ้น ให้เสร็จภายใน 20 วัน เท่ากับต้องทำวันละแสนชิ้น ถือว่าท้าทาย แต่เราสามารถทำได้ เพราะเครื่องจักรพร้อม”
ไม่เพียงเท่านั้น ปิ่นเพชร โกลบอล ยังได้พัฒนาทิชชู่เปียกรักษ์โลกโดยใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ เพื่อตอบกระแสรักษ์โลก โดยขั้นต้นผลิตให้กับแบรนด์ Watsons อีกทั้งกำลังนำเสนอผ้าเปียกแบบ Flushable Wipes ที่สามารถกดทิ้งลงในโถสุขภัณฑ์ได้โดยไม่ทำให้ท่ออุดตันอีกด้วย
“ผมมองว่า Flushable Wipes จะเป็นเทรนด์ในอนาคต เพราะในยุโรปเขาให้ความสำคัญกับเรื่องไมโครพลาสติกมาก เพราะฉะนั้นต้องเพิ่มเรื่องนวัตกรรมของวัตถุดิบและสารเคมีที่เป็นส่วนผสมให้เป็น food grade มากขึ้น วัตถุดิบต้อง 100% ธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับเครื่องจักรใหม่ที่เราลงทุน เพราะเครื่องจักรรุ่นเก่าทำ flushable ไม่ได้”
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตอันใกล้ ณัฐรดีเปิดเผยว่า จะขยายการผลิตทิชชู่เปียกที่เป็นห่อใหญ่มากขึ้น และขยายไลน์การผลิตที่เป็นวัตถุดิบแบบผ้าย่อยสลายได้เพื่อจับกลุ่มตลาดพรีเมี่ยม ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มตัวเลขรายได้ให้กับบริษัทฯ ให้แตะหลักร้อยล้านตามที่ตั้งเป้าไว้ และที่สำคัญในปีนี้ยังมีแผนรุกตลาดอย่างจริงจัง โดยเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพื่อสร้าง Brand Awareness
“เราอยากให้คนรู้จักแบรนด์ของเรามากขึ้นว่ามันดีอย่างไร เป็นของคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ ทุกวันนี้ที่ทำโรงงานทิชชู่เปียกและตื่นมาทุกวันยังมีความสุขที่จะทำต่อ เพราะภูมิใจว่าการผลิตทิชชู่เปียกไม่ใช่ทำกันง่ายๆ มันเป็นความรู้เฉพาะทางที่ต้องสะสมประสบการณ์และเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฎิบัติค่อนข้างเยอะ เราเป็นโรงงานที่ผลิตในไทยจริงๆ ผลิตเองทุกอย่าง มีคุณภาพ อยากให้ผู้บริโภคสนับสนุนสินค้าไทยที่มีคุณภาพ” ณัฐรดี กล่าวทิ้งท้าย