เดอะวิสดอมกสิกรไทย ร่วมกับ K WEALTH จัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ Investment Strategies for 2025: Thriving in the Trump-Inspired Global Economy เพื่อนำเสนอแนวทางการบริหารพอร์ตการลงทุนในปี 2568 ท่ามกลางความท้าทายจากนโยบายเร่งด่วนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน โดยการเสวนาครั้งนี้มีทีมผู้เชี่ยวชาญจาก K WEALTH ร่วมให้คำแนะนำการลงทุนแบบเอ็กซ์คลูซีฟแก่ลูกค้าเดอะวิสดอม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มองหากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคต
เร่งด่วน 3 นโยบายของทรัมป์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
นโยบายที่ทรัมป์กำลังเร่งดำเนินการอย่างเข้มข้น ได้แก่ การผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากสหรัฐฯ การขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ และการส่งเสริมการขุดเจาะน้ำมันเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและอาจนำไปสู่การเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ออกมาตรการภาษีที่เข้มงวดกับจีนและเม็กซิโก ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าของประเทศคู่ค้าในระยะยาว
ศิริพร สุวรรณการ CFA, CFP® Chief Investment Officer (CIO) ของ K WEALTH ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า
“ปีนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวต่อเนื่องได้ราว 2.4% จากการบริโภคที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่ดี แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลงจะเปิดทางให้ FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวม 0.50% สู่ระดับ 3.75%-4.00% การผลักดันนโยบาย 'America First' อย่างเข้มข้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสร้างแรงกดดันให้กับประเทศคู่ค้า และเป็นที่หวั่นวิตกทั่วโลกว่า อาจเป็นชนวนไปสู่สงครามการค้าระลอกใหม่”
การลงทุนในปี 2568: กลยุทธ์ที่ต้องปรับตัว
ในปี 2568 ผู้เชี่ยวชาญจาก K WEALTH มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่จะเผชิญกับแรงกดดันจากนโยบายของทรัมป์ที่เน้น "America First" ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และแรงกดดันจากการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ โดยเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและมาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ ที่ส่งผลให้การส่งออกลดลง
พิภวัตว์ ภัทรนาวิก รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเสริมว่า “ท่ามกลางสถานการณ์การลงทุนที่มีความผันผวนต่อเนื่อง เดอะวิสดอมกสิกรไทย พร้อมให้บริการพิเศษด้านการลงทุนในทุกมิติ เพื่อบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าเดอะวิสดอม เราได้ร่วมกับ K WEALTH จัดเสวนาพิเศษ THE WEALTH MASTER ในภูมิภาคต่างๆ โดยในปีนี้ จัดขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญจาก K WEALTH ร่วมวิเคราะห์และวางกลยุทธ์บริหารพอร์ตการลงทุนแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้ลูกค้าแบบส่วนตัว”
สำหรับการวางกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ K WEALTH แนะนำให้จัดสัดส่วนการลงทุนใน CORE Portfolio ที่เน้นการกระจายการลงทุนทั่วโลก เช่น กองทุนหุ้นสหรัฐฯ และกองทุนตราสารหนี้เอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว
ปัจจัยหนุนการลงทุนในปี 2568
K WEALTH คาดการณ์ว่าในปี 2568 เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมี 5 ปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มั่นคง การผลประกอบการของบริษัทที่ยังแข็งแกร่ง อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และการสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการย้ายเงินลงทุนจากตราสารการเงินระยะสั้นมาหาตัวเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
ศิริพร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และแรงกดดันในภาคส่งออกจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ คาดเศรษฐกิจจีนเติบโตได้เพียง 4.3% โดยการใช้จ่ายภาครัฐเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก และแม้รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่อาจพยุงเศรษฐกิจได้ในระยะสั้นเท่านั้นจนกว่าความเชื่อมั่นจะกลับมา”
สินทรัพย์ลงทุนที่น่าสนใจ
K WEALTH แนะนำให้ลงทุนใน Fixed Income Fund ที่เน้นหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน ซึ่งมีผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล รวมทั้ง Equity Fund ที่เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและนโยบาย “America First” ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมการเงินและการบริโภค
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องพิจารณาความเสี่ยงจากราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2023 และการผันผวนของตลาดการเงินที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายต่างประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนในสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
การลงทุนในปี 2568 ต้องคำนึงถึงทั้งโอกาสและความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจทั่วโลก การจัดพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและปรับตามสถานการณ์จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและรับคำแนะนำการลงทุนแบบส่วนตัวได้ที่ LINE KBank Live เพื่อรับสิทธิพิเศษและข่าวสารจาก K WEALTH