หุ้นกู้แต่ละชุดมีอายุระหว่าง 3 ถึง 10 ปี รองรับทั้งผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น-ยาว โดยมีรายละเอียดดังนี้:
ชุดที่ 1: อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ [3.00 - 3.15]%
ชุดที่ 2: อายุ 4 ปี ดอกเบี้ยคงที่ [3.30 - 3.45]%
ชุดที่ 3: อายุ 5 ปี ดอกเบี้ยคงที่ [3.45 - 3.60]%
ชุดที่ 4: อายุ 7 ปี ดอกเบี้ยคงที่ [3.65 - 3.80]%
ชุดที่ 5: อายุ 10 ปี ดอกเบี้ยคงที่ [3.80 - 3.95]% พร้อมสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดได้หลังปีที่ 5
การออกหุ้นกู้ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้จากตราสารหนี้เดิม และเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน ไม่ด้อยสิทธิ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และกำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำที่ 100,000 บาท
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า:
“ทรู คอร์ปอเรชั่น ตอกย้ำความแข็งแกร่งจากการควบรวมกิจการกับดีแทค ซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถของบริษัททั้งในแง่เครือข่ายและการให้บริการ โดยเรามุ่งมั่นเติบโตอย่างยั่งยืน และเดินหน้าสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง”
ผลประกอบการปี 2567 สะท้อนภาพความแข็งแกร่งดังกล่าว โดยทรูมีรายได้จากบริการ (ไม่รวมค่า IC) 166,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน EBITDA อยู่ที่ 98,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% และมีกำไรสุทธิหลังการปรับปรุง 9,900 ล้านบาท ทั้งยังเติบโตต่อเนื่องถึง 8 ไตรมาสติดต่อกัน
เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งสำคัญ แต่งตั้ง Group CEO, CEO สายธุรกิจองค์กรและดิจิทัล รวมถึง CEO สายธุรกิจผู้บริโภค เพื่อวางรากฐานและกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล สะท้อนความพร้อมในการแข่งขันและขยายธุรกิจสู่ระดับโลก
ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ระบุว่า ภายหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มลดต่อเนื่องในกลางปีนี้ ทำให้เป็น “จังหวะเหมาะ” สำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง เพื่อ “ล็อกผลตอบแทนในระดับที่มั่นคง” ท่ามกลางสภาวะดอกเบี้ยขาลง
ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง อันดับความน่าเชื่อถือ “A+” และการเติบโตที่ต่อเนื่อง หุ้นกู้ทรูจึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะกลางถึงยาว