เนสท์เล่ ยืนยันลงทุนผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย
16 Apr 2025

 

เนสกาแฟ แบรนด์กาแฟจากเนสท์เล่ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งจากผู้บริโภคชาวไทย ได้มุ่งมั่นสร้างประโยชน์แก่เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยมาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี โดยล่าสุดเมื่อต้นปี พ.ศ. 2568 เนสท์เล่ ได้รับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจากเกษตรกรไทยเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา

 

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533-2567 เนสท์เล่ ได้มีสัญญากับบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด (QCP) ให้เป็นผู้ผลิตเนสกาแฟ ในประเทศไทย โดยสูตรกาแฟและเทคโนโลยีการผลิตเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่ และทีมงานในสายการผลิตและการบริหารงานทั้งหมดก็เป็นทีมงานของเนสท์เล่

 

ภายหลังการสิ้นสุดสัญญาระหว่างเนสท์เล่ กับ QCP ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เนสท์เล่ได้ดำเนินการเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เพื่อให้ผู้บริโภคไทยยังคงสามารถดื่มด่ำกับผลิตภัณฑ์เนสกาแฟทุกประเภทได้อย่างเต็มที่ด้วยรสชาติและคุณภาพระดับสูงเช่นเดิม โดยเนสท์เล่ได้มีการว่าจ้างบริษัทในประเทศไทยให้ช่วยผลิตผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ พร้อมทั้งนำเข้าผลิตภัณฑ์บางส่วนจากประเทศในแถบอาเซียนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากกำลังผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ เนสท์เล่ ยืนยันว่าจะลงทุนเพื่อผลิตเนสกาแฟในประเทศไทยต่อไป และในขณะนี้ เนสท์เล่กำลังเตรียมการเพื่อกลับมาดำเนินการผลิต  เนสกาแฟในประเทศ หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยในระหว่างที่เรากำลังเตรียมการเพื่อผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย เราจะยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรไทยด้วยการรับซื้อวัตถุดิบในการผลิตจากเกษตรกรไทยให้มากที่สุด

 

ก่อนหน้านี้ เนสท์เล่ได้รับคำตัดสินจากศาลอนุญาโตตุลาการสากลว่าเนสท์เล่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาการร่วมทุนอย่างครบถ้วน และการสิ้นสุดสัญญากับบริษัท QCP เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ถูกต้องและมีผลสมบูรณ์ทางกฎหมาย แต่ผู้ถือหุ้นของบริษัท QCP คือ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริและครอบครัว กลับยื่นขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลแพ่งมีนบุรี และต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ทป 58/2568 มีคำสั่งว่า บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า “Nescafé” ในประเทศไทย ซึ่งมีผลให้เนสท์เล่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจเนสกาแฟในประเทศได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568

 

ทั้งนี้ เนสท์เล่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการรายย่อย คู่ค้าซัพพลายเออร์ ผู้บริโภค และเกษตรกรที่เราทำงานด้วยอย่างใกล้ชิด จะไม่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของผู้ถือหุ้นดังกล่าว

 

เนสท์เล่มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างปี พ.ศ. 2561-2567 เนสท์เล่ได้ลงทุนกว่า 22,800 ล้านบาทในประเทศไทย และเนสท์เล่จะยังคงเดินหน้าลงทุนเพื่อสร้างประโยชน์แก่ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานของเรา เกษตรกรที่ทำงานร่วมกับเรา ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจของเราต่อไป

 


 Commitment statement Q&A TH


 

  • อยากให้สรุปเรื่องราวระหว่างเนสท์เล่กับตระกูลมหากิจศิริว่า เป็นอย่างไร

เนสท์เล่เป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟ เนสท์เล่ร่วมลงทุนกับฝั่งคุณประยุทธ มหากิจศิริ ทำโรงงานชื่อบริษัทควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) เพื่อผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย คุณประยุทธและครอบครัวถือหุ้นครึ่งหนึ่งในบริษัท QCP เนสท์เล่ก็ถือหุ้นอีกครึ่งหนึ่งและเป็นคนบริหารจัดการเรื่องการผลิต การจัดจำหน่าย และทำการตลาดผลิตภัณฑ์เนสกาแฟเองในประเทศไทย สูตรกาแฟกับเทคโนโลยีการผลิตก็เป็นของเนสท์เล่เองทั้งหมด พอบริษัท QCP หมดอายุสัญญากับเนสท์เล่ เนสท์เล่ก็ไม่ได้ต่อสัญญาเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ศาลอนุญาโตตุลาการสากลก็ตัดสินว่า เนสท์เล่เลิกสัญญาร่วมทุน (Joint Venture) ถูกต้องแล้ว แต่ฝั่งคุณเฉลิมชัย มหากิจศิริและครอบครัว กลับฟ้องคดีต่อศาลแพ่งมีนบุรี โดยที่เนสท์เล่ยังไม่ทันได้นำเสนอพยานหลักฐาน ซึ่งรวมถึงคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากลที่มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมาย ก่อนที่ศาลแพ่งมีนบุรีจะมีคำสั่งห้ามเนสท์เล่ไม่ให้ผลิต ห้ามขาย ห้ามนำเข้าสินค้า เนสกาแฟในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเป็นผลกระทบเป็นวงกว้าง จนกระทั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ซึ่งทำให้เนสท์เล่กลับมาดำเนินธุรกิจเนสกาแฟได้ตามปกติ

 

  • เนสท์เล่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปอย่างไร  

เนสท์เล่ จะทำทุกวิถีทางในทางกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้บริโภค และเกษตรกรที่เราทำงานด้วยอย่างใกล้ชิด จะไม่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของผู้ถือหุ้นบริษัท QCP ดังกล่าว

 

  • กรณีของเนสท์เล่ กับตระกูลมหากิจศิริ เหมือนกับกรณีเจ้าของแบรนด์ดัง และผู้ผลิตในประเทศไทยที่ยกเลิกสัญญากันในอดีตใช่หรือไม่

มีข้อแตกต่างกันหลายประการ ซึ่งก็คือ เนสท์เล่ เป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟแต่เพียงผู้เดียว ตระกูลมหากิจศิริ ถือหุ้นครึ่งหนึ่งในบริษัท QCP ที่ทำหน้าที่ผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย เนสท์เล่ก็ถือหุ้นอีกครึ่งหนึ่ง และเป็นคนบริหารจัดการเรื่องการผลิต การจัดจำหน่าย และทำการตลาดผลิตภัณฑ์เนสกาแฟเองในประเทศไทย สูตรกาแฟกับเทคโนโลยีการผลิตก็เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่ และทีมงานในสายการผลิตและการบริหารงานทั้งหมดก็เป็นทีมงานของเนสท์เล่

 

  • เนสท์เล่จะลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในประเทศไทยใช่ไหม และจะสร้างที่ไหน

เรามีความมุ่งมั่นที่จะผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย แต่เรายังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในขณะนี้

 

  • การที่เนสท์เล่ออกแถลงการณ์ว่าจะต้องหยุดส่งสินค้าชั่วคราว เป็นความตั้งใจของการตลาดเพื่อสร้างกระแสและขึ้นราคาสินค้าหรือไม่

ไม่ใช่เลย เนสท์เล่ จำเป็นต้องหยุดส่งผลิตภัณฑ์เนสกาแฟทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เนื่องจากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งมีนบุรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 เนสท์เล่ มีความห่วงใยผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกรไทย และคู่ค้าซัพพลายเออร์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราว และเนสท์เล่ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสถานการณ์

 

  • คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งมีนบุรีไม่มีผลบังคับใช้แล้วหรือ

เรายึดตามคำตัดสินล่าสุดจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ที่ยืนยันว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า “Nescafé” ในประเทศไทย ทำให้เนสท์เล่ สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจเนสกาแฟในประเทศไทยได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568

 

  • ทำไมบริษัท QCP ไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้อีก

เพราะสัญญาระหว่าง เนสท์เล่กับบริษัท QCP สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยมีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายตามคำตัดสินจากศาลอนุญาโตตุลาการสากล ดังนั้น บริษัท QCP จึงไม่มีสิทธิในการผลิตผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอีกต่อไป หลังจากนั้นมา เนสท์เล่ก็ได้จัดหาผลิตภัณฑ์เนสกาแฟเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคไทย ด้วยการว่าจ้างบริษัทในประเทศไทยให้ช่วยผลิตผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ พร้อมทั้งนำเข้าผลิตภัณฑ์บางส่วนจากประเทศอื่นเป็นการชั่วคราว จนกว่าเนสท์เล่จะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตเนสกาแฟในประเทศได้อีกครั้ง

 

[อ่าน 392]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มบริษัทเคทีซีแกร่ง กำไรโตต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์พอร์ตคุณภาพ
กรุงศรี กำไร Q1/68 แตะ 7.53 พันลบ. เดินหน้าสินเชื่อคุณภาพ-คุมต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพ
AIS ร่วมกับ กสทช. ยืนยันความพร้อมระบบ Cell Broadcast บน Android และ iOS
อลิอันซ์ เปิดบทวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกหลังนโยบายทรัมป์
ทีทีบี ร่วมเปิดโชว์การแสดงระดับโลก Disney On Ice ที่กลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง
KJL เขย่าตลาดไฟฟ้า! เปิดตัว “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved