ยุคนี้แม้แต่คลังสินค้าก็ต้องไฮเทค เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานในยุคใหม่ได้ลงตัว รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแบ่งเบาการทำงานของมนุษย์ได้อีกด้วย
"OfficeMate" ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าเพื่อธุรกิจ ได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทเนรมิตคลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่บนพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อยกระดับการบริการและมอบประสบการณ์ที่ครองใจลูกค้า B2B โดยนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้าและบริการจัดส่ง
คลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่ของ OfficeMate นี้ สร้างเสร็จสิ้นและเปิดให้บริการแล้วบนพื้นที่กว่า 45 ไร่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 30 ไร่ หรือกว่า 50,000 ตารางเมตร รองรับสินค้าพร้อมส่งมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า บริการจัดส่งด้วยรถขนส่งที่พร้อมให้บริการลูกค้าทุกวันทำการมากกว่า 200 คันต่อวัน โดยที่มีระบบการทำงาน ได้แก่
ซึ่งคลังสินค้าเดิมที่อยู่แถวหนองจอกเป็นการใช้ระบบแมนนวลมีพื้นที่เก็บสินค้า 15,000 ตารางเมตร แต่คลังสินค้าใหม่นี้มีพื้นที่เก็บสินค้า 22,000 ตารางเมตร เท่ากับว่ามีพื้นที่เพิ่มขึ้น 35% เท่านั้น แต่ถ้าดูแง่ของประสิทธิภาพการจัดการเพิ่มขึ้นถึง 500%
ที่สำคัญมีการใช้แรงงานคนน้อยลงอีกด้วยในสัดส่วนถึง 1 ใน 3 โดยที่คลังสินค้าไฮเทคใช้คนเพียง 100 กว่าคน จากที่คลังสินค้าเดิมใช้คนมากถึง 600 คน
วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาออฟฟิศเมทเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 9% โดยในปี 2561 OfficeMate ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 6,500,000 คำสั่งซื้อ เติบโตโดดเด่นในช่องทางออนไลน์ซึ่งยอดขายคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของยอดขายรวม
ทั้งนี้เกิดจากการพัฒนาออนไลน์แพลตฟอร์มให้มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การช็อปของลูกค้า B2B โดยมีลูกค้าเข้าเว็บไซต์ officemate.co.th และ OfficeMate Mobile App กว่า 14 ล้านครั้งในปี 2561 นอกจากนี้ยังโฟกัสการให้บริการรับสั่งซื้อออนไลน์ภายในร้านออฟฟิศเมท (E-ordering @Store) ที่ปัจจุบันสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 12% ของยอดขายร้าน นอกจากนี้ ออฟฟิศเมทยังพบว่าลูกค้ากว่า 21% มีพฤติกรรมช็อปมากกว่าหนึ่งช่องทาง (Omnichannel) ซึ่งสร้างยอดขายได้มากถึง 49% ของยอดขายรวม”
อยากโตก้าวกระโดด ต้องมีพื้นฐานจากคลังสินค้า
วรวุฒิได้บอกว่าเป้าหมายของ OfficeMate อยากมีรายได้เกิน 10,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตนั้นต้องมาจากพื้นฐานของระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้า โลจิสติกส์ จึงได้ลงทุนสร้างคลังสินค้านี้ขึ้นมาใหม่ และเชื่อว่าเป็นคลังสินค้าไฮเทคที่ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย
วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท กล่าวเพิ่มเติมว่า "แผนธุรกิจใน 5 ปีข้างหน้า ออฟฟิศเมทตั้งเป้าอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15% ภายใต้แนวคิด "Go Further Go Faster" เดินหน้าสานต่อยุทธศาสตร์กลุ่มเซ็นทรัลในการก้าวสู่ผู้นำดิจิ-ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม (Digi-Lifestyle Platform) ซึ่ง OfficeMate พร้อมเดินเครื่องเต็มรูปแบบสู่การเป็นผู้นำตลาด B2B Solutions ที่เน้นจุดเด่นการบริการลูกค้าแบบ Omnichannel”
โดยที่มีกลยุทธ์หลัก O-F-M ดังนี้
ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์นั้น ความสำคัญอยู่ที่การได้ใช้ความสัมพันธ์อันดีของคนในท้องถิ่น หรือคนที่ทำธุรกิจดั้งเดิมในพื้นที่ ในพื้นที่ต่างจังหวัดจำเป็นต้องใช้โมเดลนี้อย่างมาก โดยมีการเป้าแฟรนไชส์ 15 สาขาในปีนี้ ส่วนในอนาคตเป้าว่า 1 อำเภอ 1 แฟรนไชส์ภายใน 10 ปี
โดยที่ปัจจุบันสินค้าที่ขายดีอันดับหนึ่งเป็นสินค้าไอทีมีสัดส่วน 30% เครื่องเขียน 30% และอื่นๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ กลุ่มแคนทีน กาแฟ น้ำตาล ถังขยะ สิ่งที่ใช้ในภาคธุรกิจอีก 40%