หลายคนคงเคยได้ยินว่าคนอ่านหนังสือน้อยลง และหนังสือกำลังจะหมดความนิยม แต่จากผลสำรวจการอ่านของประชากรไทย ประจำปี 2561 จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนไทยใช้เวลาอ่านในการอ่านเฉลี่ย 80 นาทีต่อวัน เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาในปี 2558 อยู่ที่ 66 นาทีต่อวัน
โดยหนังสือเล่มยังคงเป็นสื่อที่คนนิยมอ่านมากที่สุดตามมาด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งสื่อออนไลน์ เว็บไซต์ อีบุ๊ค เป็นต้น สอดคล้องกับพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของเทคโนโลยีในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่คนไทยยังให้ความสำคัญกับ “การอ่าน” เพราะเป็นทักษะพื้นฐานที่จะช่วยพัฒนาความรู้ ความคิค ช่วยเปิดโลกทัศน์และกระตุ้นการสร้างแรงบันดาลใจโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวจึงส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนไทยเห็นคุณค่าของการอ่านผ่านโครงการ จินตนาการ สืบสาน วรรณกรรมไทยกับอินทัช ที่ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550
ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา เยาวชนทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการกว่า 16,000 คนได้อ่านวรรณกรรมหลากหลายประเภททั้งพระราชนิพนธ์ วรรณกรรมพื้นบ้าน วรรณกรรมในชั้นเรียน วรรณกรรมร่วมสมัย รวมถึงวรรณกรรมที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมายรวมแล้วกว่า 2,000 เรื่อง จากเรื่องราวต่างๆ ที่ร้อยเรียงเป็นตัวหนังสือถูกถ่ายทอดและสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่มีสีสัน
สะท้อนถึงจินตนาการของผู้รังสรรค์ผลงานในมิติที่หลากหลาย ดังเช่นผลงานของผู้ชนะเลิศจากการประกวดในปีที่ 12 ที่ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ผลงานชิ้นแรกชื่อ “สุขสุดของปวงไทย” จากวรรณกรรมเรื่อง “ความสุข ความทรงจำในรัชกาลที่ 9” ของพิสชา พ่วงลาภ หรือพิม อายุ 19 ปี เยาวชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับอุดมศึกษา ถ่ายทอดความรู้สึกประทับใจที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทย ฝากถึงเพื่อนๆ ที่จะส่งผลงานเข้าประกวดว่า
“ให้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นตัวของตัวเอง ใช้เทคนิคที่ตนเองถนัด ทำแล้วมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงรางวัล แต่ทำผลงานให้สุดความสามารถแล้วจะได้ผลงานที่ทรงคุณค่า น่าสนใจ เพราะผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงความสุขจากการชมผลงานของเรา”
อีกหนึ่งผลงานชื่อ “อีสาน” จากวรรณกรรมเรื่อง “อีสานบ้านเฮา” ของธนาธิป นาฉลอง หรือติ๊ก อายุ 17 ปี ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ถ่ายทอดกลิ่นอายของความเป็นชนบทบนผืนแผ่นดินอีสานในแง่มุมที่หลากหลาย กล่าวว่า
“ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากพระองค์ท่าน ผมได้พัฒนาฝีมือ ได้สร้างสรรค์งานด้วยเทคนิควิธีการใหม่ๆ เพื่อถ่ายทอดผลงานให้ครอบคลุมเนื้อหาของวรรณกรรมให้ได้มากที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมอยากให้เกิดขึ้น คือ เมื่อคนดูภาพของผมแล้ว เขาอยากอ่านวรรณกรรมเรื่องที่นำมาถ่ายทอดเพื่อจะได้เข้าใจภาพได้ชัดเจนขึ้น สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวดอย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องรางวัล ให้คิดถึงโอกาสดีๆ ที่จะทำให้เราได้ฝึกฝน พัฒนาฝีมือ และทำให้หลงรักการอ่านมากขึ้น ”
สำหรับในปีนี้ อินทัช พร้อมเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 โดยจัดการประกวดภาพวาดในหัวข้อ “บวร” ความสุข ความผูกพันของสังคมไทย เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้ตระหนักรู้ถึงบทบาท หน้าที่ และความสำคัญของ “บ้าน วัด โรงเรียน” (บวร) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสามเสาหลักที่ยึดโยงความสัมพันธ์ของคนในสังคมไทยเข้าไว้ด้วยกัน เป็นกลไกให้คนในชุมชนร่วมกันคิด ร่วมกันพัฒนา และบริหารจัดการชุมชนของตนเองให้เข้มแข็ง
ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และทุนการศึกษาสำหรับเยาวชน และสถาบันการศึกษาที่สนับสนุนให้เยาวชนส่งผลงาน รวมมูลค่ากว่า 1.4 ล้านบาท
สำหรับคณะกรรมการตัดสินทางโครงการได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งด้านวรรณศิลป์ และทัศนศิลป์ นำทีมโดย ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ และอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พร้อมด้วยคณาจารย์อีกหลายท่าน ได้แก่ อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์, ดร.สังคม ทองมี ผู้อำนวยการศูนย์ศิลป์สิรินธร, อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิตไทย, คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ (ทมยันตี) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และธวัชชัย สมคง บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Fineart
น้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงอุดมศึกษา สามารถศึกษารายละเอียด และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.intouchcompany.com, FB : intouchstation หรือ Line ID : Jintanakarn.intouch เปิดรับผลงานตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2562 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 2796 1670 - 1 หรือ 0-2118-6953 สแกน QR Code เพื่อดาวน์โหลดใบสมัคร หนังสือรับรองผลงาน และตัวอย่างวรรณกรรมแนะนำได้ตามด้านล่าง