โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สถานที่ซึ่งมอบความสุข ความบันเทิง และความอบอุ่นเป็นกันเอง ให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมายาวนานถึง 2 ทศวรรษ และในโอกาสครบรอบ 20 ปีของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เราอยากให้คุณได้รับทราบ 20 เรื่องในหลากหลายแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เป็นธุรกิจโรงผลิตเบียร์ขนาดเล็ก (Microbrewery) แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งหมายถึงเป็นร้านอาหารขนาดเล็กที่มีโรงต้มเบียร์อยู่ในร้าน ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 40 ล้านบาท เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2542 สาขาแรกบนถนนพระราม 3 ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่ พระราม 3 รามอินทรา และแจ้งวัฒนะ
- ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเบียร์ฯ แน่นอนว่าคุณภาพและรสชาติเบียร์ต้องมาก่อน โดยมีบริวมาสเตอร์จากประเทศต้นตำรับ ซึ่งเป็นชาวเยอรมันแท้ๆ ชื่อ โยเค่น นอยเฮาส์ (Jochen Neuhous) มาร่วมงานกับเราตั้งแต่การต้มเบียร์ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยเปลี่ยนแปลงสูตรหรือวัตถุดิบมาตลอดเวลา 20 ปี
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ได้สร้างสรรค์รสชาติเบียร์จนถูกปากคนไทย ได้แก่ เบียร์ลาเกอร์ (Lager beer) เบียร์ดุงเกล (Dunkel beer) เบียร์ไวเซ่น (Weizen beer) และเพิ่มเติมใหม่อีก 2 รสชาติ ได้แก่ เบียร์โรเซ่ (Rosè beer) และฮ็อปส์บอมบ์ (Hops bomb) หรือที่นิยมเรียกกันว่า IPA ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวในเรื่องรสชาติ โดยฮอปส์ที่ใช้มาจากเมือง Hallentau แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ซึ่งจัดเป็นแหล่งปลูกฮอปส์ที่ดีที่สุดในโลก
- กว่าที่บริวมาสเตอร์จะคิดค้นเบียร์รสชาติใหม่อย่าง “เบียร์โรเซ่” ต้องผ่านกระบวนการทดลองและพัฒนาสูตร จนได้รสชาติที่ถูกปากและจำหน่ายในโรงเบียร์ฯ ต้องใช้เวลานานถึง 14 เดือน
- เครื่องจักรในการผลิตเบียร์ทั้งชุดของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง พระราม 3 ในวันที่เปิดให้บริการวันแรก สั่งซื้อจากประเทศเยอรมนี เป็นเงินทั้งสิ้น 20 ล้านบาท ซึ่งถ้ารวมงานระบบท่อและห้องเย็น เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 25 ล้านบาท
- ด้วยรสชาติเบียร์สดที่การันตีมาตรฐาน ปริมาณเบียร์ที่จำหน่ายทั้ง 3 สาขา รวมกันทั้งปี ประมาณ 900,000 ลิตร หากคำนวณเล่นๆ เบียร์ 1 ลิตร = 2 แก้ว จำนวน 900,000 ลิตร จึงเท่ากับขายเบียร์ขนาด 0.5 ลิตร ได้ 1,800,000 แก้วต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 5,000 แก้ว และจ่ายภาษีเบียร์ให้แก่รัฐตลอดปี เป็นเงิน 56.5 ล้านบาท
- หลากเมนูอาหารยอดนิยม ได้แก่ ขาหมูทอดตะวันแดง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา และส้มตำไหลบัว ล้วนเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่มีต้นตำรับมาจากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นเมนูอาหารที่ร้านอาหารหลายแห่ง นิยมเลียนแบบและนำไปเป็นเมนูเรียกลูกค้าเช่นเดียวกัน
- รู้หรือไม่ว่า ขาหมูที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในเมนู “ขาหมูทอดตะวันแดง” เป็นขาหน้าที่มีขนาดเท่ากัน และใช้จำนวนมากกว่าถึง 136,000 ขาต่อปี
- นอกเหนือจากความอร่อยในรสชาติอาหาร โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงได้มีส่วนในการช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการรับซื้อผลผลิตต่างๆ เป็นจำนวนมหาศาลต่อปี อาทิ เมนูยอดฮิตอย่างกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ใช้กะหล่ำปลีมากถึง 68 ตัน เมนูเกาเหลาเย็นตาโฟหม้อไฟ ใช้ผักบุ้งไทย 48 ตัน เมนูที่มีไหลบัวเป็นวัตถุดิบ ใช้ไหลบัวถึง 4.5 ตัน มะนาวเขียวที่ใส่มาในข้าวผัดและส้มตำจำนวน 130,000 ลูก ยังไม่นับมะนาวเหลืองเบอร์ 500 อีก 230,000 ลูก และพริกทุกชนิดรวมกัน ราว 10 ตัน มันฝรั่งซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำมันบดเสิร์ฟพร้อมขาหมูและไส้กรอกรวมเราใช้ 24 ตัน/ปี
- หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ทำให้ เกาเหลาเย็นตาโฟ มีรสชาติอร่อยครบเครื่อง ได้แก่ เลือดเป็ด ซึ่งรู้หรือไม่ว่าต้องใช้วิธีการสับแทนกันหั่น เพื่อให้ได้ชิ้นที่สวยงามเท่าๆ กัน เพราะการหั่นจะทำให้เลือดแตกไม่สวย
- ไม่เพียงแต่อาหารไทยรสชาติจัดจ้าน อาหารญี่ปุ่นคุณภาพพรีเมี่ยม ก็มีให้เจแปนเลิฟเวอร์ได้เลือกรับประทาน เพราะที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงมี ยูยาเกะ ซูชิ บาร์ (Yuyake Sushi Bar) ที่เปิดให้บริการเมนูอาหารญี่ปุ่นสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับแท้ๆ โดยรับรองเรื่องความสดและอร่อยของวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเมนูซูชิ (Sushi) ซาชิมิ (Sashimi) หรือข้าวหน้าปลาต่างๆ ก็มีให้เลือกอย่างเต็มอิ่มในราคามิตรภาพ และมีปริมาณการใช้แซลมอนสดจากนอร์เวย์ปีละ 17 ตัน
- การแสดงสุดอลังการของโรงเบียร์เยอมันตะวันแดงทั้ง 3 สาขา ได้รับการออกแบบและควบคุมโดยอาจารย์บรูซ แกสตัน (Bruce Gaston) นักดนตรี นักแต่งเพลง และนักเรียบเรียงเสียงประสาน จากวงฟองน้ำ ทั้งยังเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้รับรางวัลศิลปาธรกิตติคุณ สาขาคีตศิลป์ ประจำปี 2552 โดยอาจารย์บรูซทำงานให้กับโรงเบียร์ฯ มาตั้งแต่ปีแรกที่ก่อตั้ง ในฐานะ Entertainment Director
- ศิลปินชั้นนำระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินแนวร็อก ป๊อป เพื่อชีวิต ลูกทุ่ง หมอลำ ฯลฯ ล้วนเคยขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งค่าบัตรคอนเสิร์ต ปัจจุบันสนนราคาเพียง 200 บาท หากเมื่อเทียบกับการซื้อบัตรชมคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชื่นชอบในเวทีคอนเสิร์ตอื่นๆ แล้ว คำว่า “ถูกและดี” มีอยู่ที่โรงเบียร์ฯ จริงๆ
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง มีนโยบายในการดูแลพนักงานใหม่ที่เข้ามาเริ่มงานวันแรก ในวันธรรมดาเป็นหลัก อย่างการเริ่มงานใน “วันจันทร์” เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับงาน และสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ง่ายขึ้นและง่ายต่อการสอนงาน ก่อนที่พนักงานใหม่จะได้ให้บริการลูกค้าในวันศุกร์-เสาร์ ซึ่งเป็นวันที่ลูกค้าหนาแน่น
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง กำหนดมาตรฐานการเสิร์ฟอาหารอย่ารวดเร็ว ภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที ส่วนอาหารประเภท ปลานึ่ง ปลาเผา จะควบคุมเวลาให้ไม่เกิน 30 นาที เนื่องจากเราใช้ปลากะพงเป็นๆ รวมถึงการใช้ระบบ POS ในการควบคุมเวลาการสั่ง หรือ คำสั่งพิเศษมากกว่า 35 คำสั่ง อาทิเช่น เผ็ดน้อย ไม่หวาน ไม่เปรี้ยว ฯลฯ
- การบริการอีกรูปแบบของทางโรงเบียร์ฯ ที่ลูกค้าบางท่านอาจจะสงสัยคืออ่างสำหรับอาเจียน ที่มีไว้ในห้องน้ำทั้งชายและหญิง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้านักดื่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งปกติในเมืองไทยจะไม่ค่อยคำนึงถึง แต่สำหรับโรงเบียร์ฯแล้วถือว่าเป็นมาตรฐานหนึ่งที่ยังคงรักษาไว้
- ชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือ Expat มากกว่า 50% รู้จักโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป และเอเชีย
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เคยต้องผลิตและให้บริการอาหารสูงสุดถึง 3,327 จาน/สาขา/วัน (ข้อมูลปี 2561) ในวันที่ลูกค้ามากที่สุด
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ทั้ง 3 สาขา รวมกว่า 5,000 ที่นั่ง จึงทำให้เราต้องใช้บุคลากรจำนวนมากเพื่อรองรับการบริการที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยปัจจุบันเรามีพนักงานทั้งหมด เกือบ 1,000 คน แบ่งเป็นพนักงานออฟฟิตกว่า 80 คน พนักงานบริการประมาณ 560 คน พนักงานครัว 170 กว่าคน และเวทีการแสดงกว่า 150 คน ในสัดส่วน 1:5
- โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง พระราม 3 ในปัจจุบันมีพื้นที่รวม 6.5 ไร่ สามารถจอดรถภายในพื้นที่ได้ 130 คัน เมื่อตอนเปิดบริการในวันแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีพื้นที่เพียง 2 ไร่ สามารถจอดรถได้ 35 คัน
[อ่าน 5,209]