Elephant Thailand Content Creator + Social Connector
16 Aug 2019

Elephant Thailand เป็นช่อง YouTube และ มี Facebook Fanpage ที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มคนที่ชื่นชอบช้าง และ อยากรู้เรื่องราวของการใช้ชีวิตของช้า และ ควาญช้างผ่าน Content Creator ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวในฐานะ นั่นคือ วทัญญู กับ วรัญญู เหมือนรัตน์ พี่น้องฝาแฝด ‘สิงห์ กับ เสือ’บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่จบครูออกมาเลี้ยงช้างเป็นอาชีพอิสระที่ ศูนย์คชอาณาจักร องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัด สุรินทร์

จากสองหนุ่มฝาแฝดที่เป็น STREET PEOPLE คนธรรมดาๆ แต่กลับมีความคิดที่ไม่ธรรมดาเลย อยากจะนำเสนอชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง และช้างในศูนย์คชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ จึงเกิดความคิดที่ทำคลิปลง YouTube เพื่อให้คนที่เข้ามาดูได้เรียนรู้ วิถีคนเลี้ยงช้าง และ เข้าใจอยากที่จะอนุรักษ์ช้างกันมากขึ้น และ ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้เกิดความเอ็นดูและรักช้างเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ตรงตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

 

Reality & Cute

Elephant Thailand ถือเป็น VLOG ที่นำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบเรียลลิตี้ เพื่อให้ FC สามารถติดตามชีวิตประจำวันของบรรดาช้างและควาญช้างของ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ กันได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ  คอนเทนต์ของ Elephant Thailand มีเสน่ห์จากตัวละครช้างต่างๆ คอนเทนต์ที่สองฝาแฝดนี้ดูแล และหยิบยกประเด็นผูกเป็นเรื่องราวและสร้างความสัมพันธ์ทางจิตใจกับผู้ชม จนเกิดเป็นชุมชนขึ้นได้ โดยที่ลักษณะการเดินเรื่องยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ของสัตว์คู่บ้านคู่เมือง ว่ามีกิจวัตรประจำวันอย่างไร, ทำอะไร, กินอะไร, เจ็บป่วย, การสืบพันธุ์ดำรงเผ่าพันธุ์, พิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวกับช้างที่เราคงไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก เป็นต้น

นี่จึงมิใช่รายการเรียลลิตี้ที่แค่ดูความน่ารักของช้าง หากแต่มีสาระแทรกอยู่กับความบันเทิงที่นำเสนอด้วย และทำให้ผู้ติดตามได้รู้สึกใกล้ชิดกับบรรดาช้างต่างๆ เลยก็ว่าได้

ความฮอดของช่อง Elephant Thailand แม้จะไม่ได้มากปุบปับเท่ากับความฮอดของคอนเทนต์อื่นๆ เช่น หนุ่มน้อยน้องภูติ แต่เมื่อสืบค้นข้อมูลของช่องนี้จาก Google ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ก็พบว่า มีผู้ติดตามถึง 405,136 คน ซึ่งถือได้ว่าไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้เป็นเซเลบแถมมีวิถีพื้นบ้านมากๆ ด้วยซ้ำ

 

สถิติกับบางคลิปมียอดชมมากถึง 6,851,017 เลยทีเดียว จากการได้ติดตามช่อง Elephant Thailand จะเห็นได้ว่า ตัวละครเอกของช่องนี้ระดับซุปตาร์ คือ พลายบัวบาน ช้างเพศผู้อายุประมาณ 3 ปีกว่า ซึ่งบัวบานฉายแววความน่ารักประสา ‘ช้างเด็ก’ ที่ทั้ง  ‘ดื้อ - ขี้เล่น - ซุกซน – ติดเจ้าของ’ เมื่อได้เห็นรถของ ‘เสือ–สิงห์’ จะส่งเสียงร้องปานจะขาดใจ นี่คือเป็นคลิปที่เล่นอยู่บนความรู้สึก และสายสัมพันธ์ระหว่างคนกับช้างอย่างแน่นแฟ้น จนสามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้ที่เข้ามาติดตามเป็นอย่างมาก และยังมีชาวต่างชาติเข้ามาทดลองเลี้ยงบัวบานอีกด้วย  เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเลยทีเดียว 

ขณะเดียวกัน ก็มีตัวละครเอกอีกเชือก คือ ชบาแก้ว ที่หากใครได้ดูคลิปเป็นต้องอมยิ้มกับพังชบาแก้ว  ช้างป่าที่เคยดังเป็นข่าวใหญ่ เนื่องจากพังชบาแก้วเป็นช้างเด็กที่มีอายุเพียง 2 เดือน และได้รับบาดเจ็บจากการตกลงไปในบ่อเกรอะของชาวสวนยางพารา ในพื้นที่บ้านโนนไพศาล อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ  มีแผลที่ศีรษะ สันหลัง บั้นท้าย และสะดือ และทางเจ้าหน้าที่ได้นำ ชบาแก้ว ไปรักษาที่ตัวโครงการคชอาณาจักรแห่งนี้ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2562 ทั้งนี้  ทีมของโครงการคชอาณาจักรเป็นเพียงผู้ให้การอนุบาลช้าง เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งการที่จะนำลูกช้างปล่อยคืนสู่ป่านั้นลูกช้างจะต้องหย่านม 3 ปีไปแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องของทางกรมอุทยานที่จะดำเนินการต่อไป  สำหรับการอนุบาลดูแลช้างเป็นเรื่องที่สำคัญ และโอกาสภาวะสุ่มเสี่ยงมีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโภชนาการ หากดูแลไม่ดีก็จะทำให้ช้างแคระแกร็นได้ ลูกช้างตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง 10 ปีอาจมีภาวะสุ่มเสี่ยงต่อไวรัส EA และอาจส่งผลทำให้ลูกช้างตายไวมาก

 

 

นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่บัวบานเท่านั้นที่ได้รับความสนใจ ยังมีช้างอีกหลายเชือกที่สร้างความน่ารัก น่าเอ็นดูอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แม่ไพบูลย์ พลายทองใบ ดาวมงคล ชายเลิฟ พลอยทอง หนุ่มสุรินทร์ หรือลูกพี่บุญส่ง งัดทั่งงัด ฯลฯ 

 

Social Connector

คอนเทนต์ของ Elephant Thailand เข้าไปนั่งในจิตใจของคนไทยทั่วประเทศนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเคยมี Social Connector ที่เป็นกลุ่มอนุรักษ์ช้างเคยโหมกระแสรักช้างมาก่อน แล้วถ้ายังไม่ลืมกันน่าจะจำแคมเปญ ช.ช้าง ช่วยช้าง (รวมพลคนรักช้าง ร่วมต้านการฆ่าช้างเอางา) ที่เคยฮอดกันในเฟซบุ๊กและคนดังหลายคนที่มีชื่อ นามสกุลที่สะกดด้วย ช. ช้าง ต่างก็โพสต์ภาพตัวเองด้วย ช.ช้าง ที่หายไป ไม่เว้นแม้แต่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

 

 

แคมเปญนี้เป็นของ WWF-ประเทศไทย (กองทุนสัตว์ป่าโลก) ที่ยิงแคมเปญในวันที่ 12 มกราคม 2558 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการรณรงค์ต่อต้านการค้างาช้าง ของ WWF เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และแสดงพลังร่วมต้านการฆ่าช้างเอางา พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความผูกพันของ ‘ช้าง’กับ ‘คนไทย’ เช่นในภาษาและตัวอักษร ซึ่งคนไทยสามารถแสดงออกถึงความรักต่อช้างด้วยการรวมพลังต้านการฆ่าช้างเอางาได้ โดยการถ่ายรูป พยัญชนะ ‘ช’ ที่หายไปจากสิ่งรอบตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, ชื่อบริษัท, ห้างร้าน, องค์กร, ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ฯลฯ แล้วแชร์ใน Facebook, Instagram หรือ Twitter พร้อม #ชช้างช่วยช้าง และ #wwfthailand

 

จันทน์ปาย องค์ศิริวิทยา ผู้จัดการโครงการรณรงค์การต่อต้านการค้างาช้าง, WWF-ประเทศไทย กล่าวว่า " ช้าง ‘หายไป’ จากธรรมชาติ จากโลกของเราปีละไม่ต่ำกว่า 20,000 ตัว เพราะถูกฆ่าเอางา หลายคนอาจไม่รับรู้ถึงความสูญเสีย แต่ถ้าหากวันหนึ่ง ช.ช้าง ‘หายไป’ จากการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ‘หายไป’ จากชื่อของเรา....เราจะเห็นถึงความสำคัญของ 'ช้าง’ เท่ากับ ‘ช.ช้าง’ หรือไม่....

... สิ่งที่เรากังวลคือ การค้างาช้างในปัจจุบันยังไม่ลดลง สืบเนื่องจากความต้องการในไทยและจีน ซึ่งความต้องการเหล่านี้จะยิ่งไปเพิ่มให้เกิดการฆ่าช้างเพื่อเอางามากขึ้น จำนวนประชากรของช้างป่าลดลงทุกปี และที่สำคัญก็คือ การล่าช้างเอางา โดยไม่สนใจว่าเป็นช้างอยู่ที่ไหน เป็นช้างของใคร เพราะเขาต้องการแค่งา ตราบใดที่ยังมีความต้องการ ไม่ว่าช้างแอฟริกา ช้างไทย หรือช้างเอเชียต่างก็เผชิญกับวิกฤตินี้"

 

 

แม้แคมเปญนี้จะผ่านมาหลายปี แต่แคมเปญนี้ ก็มีผลกับปัญหาการค้างาช้างในภูมิภาค อีกทั้ง ปลุกจิตสำนึกของคนไทยที่มีต่อช้าง มองช้างด้วยมุมใหม่ มีมาตรการที่เข้มงวดกับควาญช้างที่นำช้างมาเร่ร่อนขอทาน/ขายอ้อย นอกจากนี้ ก็ยังมี Social Connector ที่เป็นผู้นำทางความคิด, สัตวแพทย์ และนักวิชาการที่เข้ามาช่วยสร้างจิตสำนึกในอีกหลายๆ ครั้ง อีกทั้งเข้ามาช่วยเหลือช้าง กรณีมีช้างหลายเชือกในช่วงเวลาหลายปีบาดเจ็บอย่างทุ่มเทอีกหลายคราเช่นกัน ทำให้คนไทยมีความผูกพันกับช้างอย่างแข็งแกร่งอย่างไม่รู้ตัว

 

 

ดังนั้น เมื่อมีคอนเทนต์ดีๆ อย่าง Elephant Thailand ที่นำเสนอชีวิตของช้างที่ได้รับการดูแลอย่างดีจาก ศูนย์คชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ นี่จึงย่อมเป็นจุดเติมเต็มกับความรู้สึกคนไทยให้เห็นว่าอย่างน้อยปัญหาช้างไทย ก็ได้รับการเยียวยามาบ้างแล้ว แม้ว่าการแก้ปัญหาช้างไทยจะไม่สามารถทำให้เกิดได้แบบ OVERNIGHT HAPPENING แต่กลับทำให้คอนเทนต์ของ Elephant Thailand กลับแจ้งเกิดได้แบบ OVERNIGHT HAPPENING

 

 

การเลี้ยงช้างที่ศูนย์คชอาณาจักร

สำหรับการเลี้ยงช้างในจังหวัดอื่นๆ มักจะเป็นการเลี้ยงช้างเพื่อการท่องเที่ยวเพื่อให้ขี่ช้างเที่ยวเมือง หรือการเลี้ยงช้างทางภาคเหนือที่เลี้ยงช้างในเชิงอนุรักษ์ ด้วยการเอาช้างไปให้นักท่องเที่ยวจูงไปเที่ยว ไปอาบน้ำ ทำทุกอย่าง แต่ว่าห้ามขี่ช้าง ทว่า สำหรับช้างที่อยู่ในคลิปของช่องนี้จะเป็นช้างเลี้ยงที่ชาวบ้านเลี้ยงอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อมีงานบุญหรืองานประเพณีต่างๆ จึงจะนำช้างไปช่วยงาน ไม่ได้มีรายได้เข้ามา มีเพียงแต่เงินเดือนของควาญช้างในแต่ละเดือนเท่านั้น ส่วนช้างในฝั่งของ อบต. สุรินทร์ ช้างเชือกไหนที่สามารถแสดงความสามารถพิเศษได้ก็จะมีรายได้เพิ่ม ซึ่งช้างของชาวบ้านจะได้เงินเดือนอยู่ที่ 10,800 บาท บางครั้งเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม มาเลี้ยงช้าง พาไปอาบน้ำก็จะได้รายได้พิเศษมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดของการเลี้ยงช้าง แน่นอนว่า อาจเกิดคำถามถึงการเลี้ยงดูช้างของที่นี่ว่าแตกต่างจากที่อื่นหรือไม่ รวมทั้งข้อกังขาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูทั้งช้างเล็ก ช้างใหญ่ ตลอดจนการผสมพันธุ์ รวมถึงการทำสินค้าที่มาจากช้างว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งถ้าได้ติดตามในแต่ละคลิปแล้วก็จะเข้าใจถึงการเลี้ยงช้างที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

นอกจากช่อง Elephant Thailand จะทำช่องให้คนติดตามวิถีชีวิตของช้างแล้ว ชาวบ้านที่เลี้ยงดูช้างละแวกนั้นยังได้ทำผลิตภัณฑ์จากช้างขึ้น เพื่อเป็นการหารายได้เข้ามา โดยที่ เสือและสิงห์จะคอยถามชาวบ้านที่เป็นควาญช้างเสมอว่า มีสินค้าอะไรของช้างบ้างหรือไม่ จะสังเกตได้ว่า ทางช่องจะติด แฮชแท็ก #แหวนหางช้าง #ตะกรุดพลายทองใบ #ตะกรุดพลายดาวมงคล #แหวนหางช้าง ของขลังจากช้าง เชื่อกันว่า สิ่งเหล่านี้คือเครื่องรางของขลังเพื่อใช้เสริมสิริมงคล เรียกทรัพย์ให้กับผู้สวมใส่และภายในอนาคต

 

Social & Economic Impact   

แน่นอนว่า การทำช่อง YouTube และมียอดผู้ติดตามที่เยอะขนาดนี้ ทำให้มีคนได้รู้จักศูนย์คชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์มากขึ้น มีเหล่าบรรดาแฟนคลับเข้ามาเยี่ยมชมมากขึ้น สินค้าที่เกี่ยวกับช้าง ไม่ว่าจะเป็นแหวนหางช้าง ตะกรุดพลายทองใบ ตะกรุดพลายดาวมงคล ขายได้ดีมากขึ้น บางคนนำกล้วย อาหารต่างๆ หรือสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของช้าง ซึ่งนี่คือนิมิตดีที่ถือเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งให้กับหมู่บ้านของตนเอง  ทว่า สิ่งที่เหนือกว่ารายได้ คือ กำลังใจที่ควาญช้างได้รับจากผู้ที่ติดตาม ทำให้ควาญช้างมีแรงฮึดสู้ที่จะดูแลช้างต่อไป

 

 

นี่จึงเป็นอิมแพคในเชิงสังคม (Social Impact) ที่เกิดขึ้นและเชื่อมโยงกับสังคมมากขึ้นอย่างชัดเจน

นี่จึงเป็นการปลุกกระแสให้ผู้ที่รับชมคลิปวิดีโออยากที่จะเข้ามาสัมผัส และอนุรักษ์ช้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางหมู่บ้านนี้ก็ได้เลี้ยงช้างร่วมกับศูนย์คชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชนในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านทัศนคติเรื่องช้าง การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป ทำให้มีโครงการนำนักเรียนเข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของช้างและควาญช้างอีกด้วย

ขณะเดียวกัน Impact Happening ในเชิงการตลาดที่เห็นได้ชัดเจนก็เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การขายผลิตภัณฑ์จากช้าง อาทิ แหวนหางช้าง ตะกรุดพลายทองใบ ตะกรุดพลายดาวมงคล ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ เสือและสิงห์ก็ยังคิดที่จะทำสติกเกอร์ไลน์ เพื่อให้ได้เข้าถึงทุกคนได้ง่ายมากขึ้น นี่คืออีกสเต็ปที่จะก้าวสู่ Brand Associate ของช้างเหล่านี้เพิ่มขึ้นในอนาคต

 

ต้องยอมรับว่า จากเดิมที่ชาวบ้านในพื้นที่นี้ใช้ชีวิตกันแบบธรรมดามีรายได้กันตามวิถีแบบเดิมๆ และ รายได้เสริมจากการเลี้ยงช้างที่ศูนย์คชอาณาจักรมอบให้อยู่แล้ว แต่จากการทำคอนเทนต์ Elephant Thailand โดย เสือและสิงห์นี้ ต้องยอมรับว่า Impact Happening ที่เกิดขึ้นสร้างอิมแพคเชิงสังคม และ อิมแพคในเชิงเศรษฐกิจ แล้วยังสร้างอานิสงส์ต่อถึงชาวบ้านในบริเวณนั้นและช่วยให้มีคนรู้จักมากขึ้น การขายผลิตภัณฑ์ที่มาจากช้างก็ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น โดยผู้คนทั่วประเทศสามารถสั่งซื้อได้จาก เพจเฟซบุ๊ก : แหวนหางช้าง ของขลังจากช้าง อีกด้วย

 

09-08-2562

___________________________________________________________

ขอไว้อาลัยให้กับการจากไปของ คุณสุเชษฐ์ ศาลางาม ที่ต้องเสียชีวิต เหตุเกิดจากหนุ่มสุรินทร์ตกมัน น้องก็คงไม่ได้ตั้งใจ แต่ด้วยธรรมชาติของสัตว์ที่น้องก็ควบคุมตนเองไม่ได้จึงเกิดเหตุสุดวิสัยเช่นนี้

ขอให้ น้าเชษฐ์ ไปสู่ภพภูมิที่ดี และอโหสิกรรมให้กับหนุ่มสุรินทร์ด้วยเถิด

                           

[อ่าน 7,247]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SCB EIC ชี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จะผ่านจุดต่ำสุดช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
Seamless Living, One Tap Away: How Meituan Powers the Lazy Lifestyle
สร้าง Personal Branding อย่างไรให้ปัง
Technology: The Ultimate Life-Hack or The Ultimate Laziness Trap ?
Freshket: The Lazy Entrepreneur's Best Friend for Restaurant Success!
เจาะลึกบทบาทผู้ผลิตไฟฟ้า เมื่อโลกเกิดภัยพิบัติ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved