เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้นำอสังหาฯ ระดับลักชัวรี ตรวจสอบความเรียบร้อยสุดเข้ม พร้อมส่งมอบคอนโดฯ “มิวนีค สุขุมวิท 23” (MUNIQ Sukhumvit 23) ที่พักอาศัยเหนือระดับสำหรับผู้ฉลาดเลือกบนทำเลพรีเมี่ยม ใจกลางอโศก - สุขุมวิท เชื่อปัจจัยหนุน ผู้เล่นน้อย ดีมานด์ยังสูง กำลังซื้อในประเทศแข็งแกร่ง ทั้งเป็นที่พักอาศัยให้เช่า มูลค่าลงทุนระยะยาวคุ้ม อีกทั้งตลาดต่างประเทศมองน่าลงทุนเหตุทำกำไรสูงกว่าในภูมิภาค
ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบความคืบหน้า และความเรียบร้อยของโครงการ “มิวนีค สุขุมวิท 23” (MUNIQ SUKHUMVIT 23) ร่วมกับบริษัทรับเหมาพัฒนาโครงการ และที่ปรึกษาโครงการ ร่วมกันตรวจสอบความเรียบร้อยของการก่อสร้างโครงการ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ก่อนส่งมอบว่า โครงการได้ขายไปแล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนของยูนิตทั้งโครงการ จำนวน 201 ห้อง ล่าสุดได้ตรวจสอบความเรียบร้อยเพื่อเตรียมนำส่งมอบให้แก่ลูกค้าล็อตแรกต้นปี 2563
โดยแนวโน้มของการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมกลุ่ม High Rise ซึ่งมีทำเลย่าน CBD นั้น ตลาดมีความเติบโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2555 เมื่อเทียบกับตลาดทั้งหมด โดยมีราคาที่ดินมีการปรับตัวสูงขึ้น 8 -15% ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยข้อมูลจากฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ที่ดินย่านสุขุมวิท - อโศก มีราคาสูงที่สุดคือตารางวาละ 2.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 12.8% ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวดิ่งระดับ High Rise ที่ต้องโฟกัสกลุ่มลักซ์ชัวรี แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่แนวโน้มกลุ่มดังกล่าวยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะกำลังซื้อแข็งแกร่ง สินค้าในตลาดมีไม่มาก รวมถึงเป็นย่านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม เป็นที่ต้องการของชาวต่างประเทศที่สนใจซื้อเพื่อเป็นเจ้าของ โดยตัวเลขของคอนโดมิเนียมกลุ่ม High Rise ใหม่ในช่วงปี 2555 – ครึ่งปีแรกของ 2562 มีเพียง 13,650 ยูนิต ในขณะที่ความต้องการยังมีต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยเอื้อต่อการตัดสินใจในการลงทุนที่อยู่อาศัยลักซ์ชัวรีนั้น ยังเป็นเรื่องปัจจัยผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับการลงทุน เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นต่อเนื่องในทำเล CBD ที่เฉลี่ยสูงขึ้น 10 - 12 % ต่อปี และอัตราผลตอบแทนค่าเช่าอยู่ที่ 3 % ต่อปี ยังเป็นแรงจูงใจสำคัญ รวมถึงการพัฒนาและออกแบบของแต่ละโครงการสามารถดึงดูดความต้องการของลูกค้าในไลฟ์สไตล์เมืองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งแนวโน้มความเติบโตของกลุ่มคอนโดมิเนียม High Rise ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้ฉลาดเลือกในการใช้ชีวิตได้ต่อเนื่อง เมื่อโจทย์ตั้งต้นมีความชัดเจนและยากในระดับหนึ่งจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์กลุ่ม High Rise อย่างแตกฉาน ผู้เล่นจึงน้อยราย ที่สำคัญในทำเลดังกล่าวมีความยั่งยืนในแง่ของมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต มีอัตราผลตอบแทนต่อการลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้งยังได้เพื่อนบ้านที่มีคุณภาพ หรือหากปล่อยเช่า ก็ยังเป็นผู้เช่าที่มีคุณภาพกว่า ทั้งหมดจึงเป็นแนวโน้มที่ดีสวนกระแสเศรษฐกิจในแง่ของการลงทุนระยะยาว
“ปัจจัยที่ช่วยนักลงทุนในการเลือกลงทุนได้ คือการเลือกซื้อคอนโดลักซ์ชัวรีใจกลางเมืองที่อยู่ในช่วงกำลังก่อสร้าง หรือพร้อมโอน จะทำให้ได้คอนโดมิเนียมในระดับเดียวกัน แต่ต้นทุนลดลงมากกว่า 8 - 10% เพราะต้นทุนที่ดินดังกล่าวของโครงการเหล่านี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้าการปรับราคาที่ดินเพิ่มขึ้น อีกทั้งสามารถตรวจสอบเรื่องคุณภาพการเลือกใช้วัสดุและการก่อสร้างได้ ซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจได้ แม้จะเป็นที่อยู่อาศัยหรือการปล่อยเช่าในระยะยาว” ดร.สุริยากล่าว
มิวนีค สุขุมวิท 23 ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ เมเจอร์ฯ มีความภาคภูมิใจ ด้วยสุดยอดทำเลระดับพรีเมียมบนแนวรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก 300 เมตร เชื่อมต่อ MRT สถานีสุขุมวิท 200 เมตร แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าชั้นนำระดับเวิลด์คลาส อาคารสำนักงานเกรดเอ รองรับด้วย โรงแรม โรงพยาบาลและสถานศึกษาชั้นนำ บนถนนสุขุมวิท 23 ด้วยขนาดพื้นที่ 1-1-37 ไร่ สูง 36 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท จำนวนทั้งหมด 201 ยูนิต นอกจากนี้ ยังมียูนิตพิเศษ เดอะ คอลเลคชั่น (The Collection) ห้องหรูระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ เทียบได้กับห้องเพ้นท์เฮ้าส์ที่มีเพียง 12 ยูนิต จากจำนวนของยูนิตทั้งโครงการ จำนวน 201 ห้อง เพื่อตอบโจทย์ที่สุดของไลฟ์สไตล์คนยุคมิลเลนเนียล โดยทุกยูนิตมีความพิเศษโดดเด่นด้วยการจัดวางเลย์เอาท์ที่ไม่ซ้ำสไตล์ในแต่ละชั้น
ภายใต้แนวคิดการออกแบบ “LIVE AS ART” อันสื่อถึงการใช้ชีวิตผสานศิลปะอย่างลงตัว สะท้อนผ่านศิลปะการออกแบบทั้งภายในและภายนอก ออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้มีประสิทธิภาพสามารถอยู่อาศัยรวมกันได้อย่างมีศักยภาพสูงสุด สะท้อนผ่านการออกแบบโครงสร้างภายนอก (Exterior) และภายใน (Interior) ภายใต้ทีมออกแบบระดับประเทศไม่ว่าจะเป็น Palmer & Tuner ทำการออกแบบงานสถาปัตยกรรม, J&H BOIFFILS ดูแลการออกแบบภายใน และ SHMA ออกแบบแลนด์สเคป จึงเห็นความแตกต่างจากคอนโดมิเนียมทั่วไปอย่างชัดเจน คือโดดเด่นด้วยสไตล์มอนเดรียน อาร์ท (Mondrian Art) ผสมผสานความเรียบง่ายกึ่งมินิมอล (Minimal) และเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยมเพื่อสะท้อนการใช้ชีวิตที่หรูหรา อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ปัจจุบันยอดขาย มิวนีค สุขุมวิท 23 อยู่ที่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยการตรวจสอบความเรียบร้อยเพื่อเตรียมส่งมอบได้จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนกันยายายนที่ผ่านมา คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้ ภายในต้นปี 2563นี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mjd.co.th/muniq/sukhumvit23 หรือ โทร.1266