บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) วางเป้าหมายปี 2562 ลงทุนในสามธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (Residential Development), ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก (Commercial & Retail) และธุรกิจโรงแรม (Hospitality) ซึ่งยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ล่าสุดเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจค CROSSROADS ที่ประเทศมัลดีฟส์แหล่งท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ครบวงจร ตอกย้ำเป้าหมายที่ชัดเจนสู่การเป็น “Global Holding Company” พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ ชูกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน และการลงทุนหลากหลายรูปแบบ โดยคาดว่าจะมีรายได้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2563
นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้หุ้นละ 0.04 บาท ในปี 2562 ทั้งยังส่งผลให้ปี 2562 เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้ของ สิงห์ เอสเตท
ทุกกลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโต และขยายตัวเพื่อเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ในปีถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจโรงแรมซึ่งมีรายได้ประจำจากการลงทุนในกิจการโรงแรม โดยการเข้าซื้อโรงแรม Outrigger 6 โรงแรมใน 4 ประเทศ และการเปิดตัว CROSSROADS นับเป็นโครงการลงทุนต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท
“กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความมั่นคงของรายได้คือ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก โดยเฉพาะโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ได้รับการตอบรับจากผู้เช่าเกินความคาดหมายด้วยอัตราการเช่าพื้นที่กว่าร้อยละ 92
ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีแผนการพัฒนาโครงการมิกส์ยูสโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ “เอส โอเอสซิส” บนถนนวิภาวดี-รังสิต มูลค่า 3,695 ล้านบาท ความสูง 36 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่า (NLA) ประมาณ 53,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกบางส่วน ซึ่งจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี โดยได้เริ่มการก่อสร้างในปีนี้
สำหรับแผนงานระยะยาวบริษัทฯ คาดการณ์งบลงทุนในการขยายธุรกิจคอมเมอร์เชียลไว้ประมาณ 15,000 ล้านบาทสำหรับ 4 ปี (ระหว่างปี 2562-2566) ส่วนกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ของคอนโดมิเนียมมูลค่า 4,400 ล้านบาท จากโครงการ The ESSE Asoke และ The ESSE at SINGHA COMPLEX
ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากกับการเติบโตของบริษัท ในปีนี้ได้มีการเปิดตัวโครงการ CROSSROADS ประเทศมัลดีฟส์ เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย ท่าเรือยอร์ชมารีนาพร้อมร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง พร้อมทั้งเปิดตัวโรงแรมชั้นนำ 2 แห่ง
ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะที่ผ่านมาและมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐบาลมัลดีฟส์”
ที่สำคัญในปลายปีนี้ สิงห์ เอสเตท มีแผนที่จะนำบริษัทในเครือที่พัฒนาและบริหารธุรกิจโรงแรมคือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขยายกลุ่มธุรกิจโรงแรมมุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ (Premier Hotel Investment & Resort Management Company)
เดิร์ก เดอ ไคย์เปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR กล่าวว่า CROSSROADS เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่สำหรับประเทศมัลดีฟส์ ตั้งอยู่ใกล้สนามบินแห่งชาติของมัลดีฟส์ และ “มาเล่” เมืองหลวงของมัลดีฟส์ สามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ภายใน 15 นาทีทำให้เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวจากหลากหลายวัฒนธรรม
“CROSSROADS เป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับนักเดินทางคนรุ่นใหม่ เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์สำหรับการพักผ่อนระดับเวิร์ลคลาส ผนวกทุกบริการไว้อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบไปด้วย The Marina @ CROSSROADS ท่าเรือยอร์ชแห่งแรกของมัลดีฟส์ รีสอร์ทติดทะเลที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสันทนาการ สอดแทรกความรู้ด้านวัฒนธรรมและการอนุรักษ์ธรรมชาติ ผ่านศูนย์การเรียนรู้ มีแหล่งช้อปปิ้งจากร้านค้านานาชาติ รวบรวมไว้ซึ่งร้านอาหารชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำหรับการประชุมจัดงานและกิจกรรมบันเทิงต่างๆ กลุ่มเป้าหมายของ CROSSROADS ได้แก่ นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง รักธรรมชาติ ชอบการผจญภัยและมองหาประสบการณ์ที่แตกต่าง”
ทั้งนี้ การเปิดตัวโครงการดังกล่าวเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ในฐานะที่เป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ (Premier Hotel Investment & Resort Management Company) ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์การลงทุนอย่างยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท ในฐานะ premier lifestyle developer
และเพื่อตอกย้ำความเป็นโกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี โดยมีแผนที่จะนำ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงปลายปีนี้ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและขยายธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ
ภายในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมและห้องพักอย่างน้อยอีกเท่าตัว จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 39 โรงแรม เป็น 80 โรงแรม ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจ 4 แบบ คือ
“SHR มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของตลาด การเปิดตัว SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton ในโครงการ CROSSROADS เฟส 1 เป็นการแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทในการสร้างแบรนด์ระดับบนของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ SAii นอกจากนี้ เราจะเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมในประเทศไทยและภูมิภาค ผ่านการดำเนินธุรกิจใน 4 แพลตฟอร์มหลัก” เดิร์ก เดอ ไคย์เปอร์ กล่าวเสริม
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 63.1% โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 รายได้จากการดำเนินงานตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวดสิ้นสุด 6 เดือนปี 2562 รายได้จากดำเนินงานตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.8% จาก 715.6 ล้านบาทของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุสำคัญของการเติบโตของรายได้ของ SHR ได้แก่ การลงทุนใน Outrigger Resorts เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 และผลประกอบการที่ดีขึ้นของโรงแรมที่บริษัทฯ บริหารจัดการเอง