แบรนด์สินค้าแฟชั่นนำเข้าจากต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่เรียกว่าถ้าแบรนด์ใดไม่แข็งแกร่งจริงก็อาจจะต้องล้มหายจากสมรภูมินี้ไปในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศต้องเริ่มมองหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค รวมไปถึงการมองหาแบรนด์ใหม่ๆ มาช่วยสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตสินค้า และกระจายความเสี่ยงของธุรกิจอีกทางหนึ่ง
เช่นเดียวกับ ‘ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น’ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นนำเข้าจากต่างประเทศ ที่ได้วางกลยุทธ์เพื่อสู้ศึกในตลาดไลฟ์สไตล์ 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การทำตลาดแบรนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เติบโต พร้อมปรับพอร์ตโฟลิโอใหม่ โดยจะยกเลิกการทำตลาดในบางแบรนด์ที่ยอดขายไม่ดีอย่างน้อย 2 แบรนด์ คือ กระเป๋าแบรนด์ทูมิ (TUMI) และเครื่องสำอางเรดเอิร์ธ (Red Earth) 2.มองหาแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม และ 3.การเพิ่มช่องทางใหม่ในการทำธุรกิจ
เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีนี้บริษัทได้วางแผนนำเข้าสินค้าแบรนด์ใหม่มาทำตลาดทั้งหมด 4 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์อเมริกันลักซ์ชัวรี่ 'บรูคส์ บราเธอร์ส' (Brooks Brothers), ร้านขายของเล่นสัญชาติอังกฤษ 'แฮมเลย์' (Hamleys), แบรนด์ชุดชั้นในสตรี ‘อีแตม’ (Etam) และแบรนด์เสื้อผ้ายีนส์จากญี่ปุ่น 'โคจิมา ยีนส์' (Kojima Genes) ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนจะเข้าควบรวมกิจการทางหนึ่งด้วย โดยบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาทางธุรกิจกับผู้ประกอบการประมาณ 20 ราย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว และของเล่นต่างๆ เพื่อสร้างพอร์ตของบริษัทให้มีความหลากหลาย รวมไปถึงการวางแผนเพื่อทำ Own Brand ของตัวเองในปีหน้า และการเพิ่มช่องทางการขายผ่านอีคอมเมิร์ซ”
การนำแบรนด์ 'บรูคส์ บราเธอร์ส' เข้ามาทำตลาดในไทย ถือเป็นอีกหนึ่งในไม้ตายสำคัญในการรุกเข้าไปสู่ธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าผู้ชายที่ยังมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่ม Affordable Luxury ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นหรูในราคาที่จับต้องได้ หลังจากที่ผ่านมาไมเนอร์จะเน้นนำเข้าแบรนด์สินค้าสำหรับผู้หญิงมากกว่า
จักร เฉลิมชัย รองประธานกลุ่มพัฒนาธุรกิจใหม่และอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าคนไทยเริ่มให้ความนิยมการแต่งตัวในสไตล์หรูหราคลาสสิกมากขึ้น ผนวกกับกลุ่มตลาดเสื้อผ้าผู้ชายในกลุ่ม Affordable Luxury มีคู่แข่งเพียงแค่ไม่กี่แบรนด์ เช่น แบรนด์ราฟ ลอเรน (Ralph Lauren) และแบรนด์ฮิวโก้ บอส (Hugo Boss) จึงทำให้เรามีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น เนื่องจากราคาของบรูคส์ บราเธอร์สในเมืองไทยถือว่าใกล้เคียงกับราคาในต่างประเทศมาก ต่างกันเพียง 10-15% เท่านั้น โดยในปีแรกเราตั้งเป้ายอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์บรูคส์ บราเธอร์สจะเน้นไปที่กลุ่มผู้ชายเป็นหลักราว 80% โดยมีสินค้าในกลุ่ม Main Line สำหรับกลุ่มนักธุรกิจระดับสูง อายุ 45 ปีขึ้นไป และกลุ่ม Red Fleece สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 30 ปีขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มผู้หญิงอีก 20% จะเน้นไปที่กลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนเปิดสาขาของบรูคส์ บราเธอร์สในปีนี้จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า, สยามดิสคัฟเวอรี่, ดิ เอ็มโพเรียม, สยามพารากอน และเซ็นทรัล ชิดลม พร้อมตั้งเป้ารายได้ในกลุ่มสินค้าต่างประเทศไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีที่ผ่านมา
FYI 'บรูคส์ บราเธอร์ส' (Brooks Brothers) นับเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 200 ปี ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1818 และเป็นแบรนด์ผู้นำทั่วโลกให้ความไว้วางใจ อาทิเช่น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจำนวน 39 ท่าน จาก 44 ท่าน รวมถึง ‘บารัค โอบามา’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน |