ตีตลาดในไทยเข้าปีที่ 10 สำหรับผู้นำด้านธุรกิจบริการสุขอนามัยภัณฑ์อย่าง แคนนอน ไฮยีน หนึ่งในธุรกิจ ภายใต้การบริหารของบริษัทรักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด และเป็นหนึ่งบริษัทในเครือ โอซีเอส กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ ที่เป็นผู้นำระดับสากลมายาวนานกว่า 60 ปี มีสาขากว่า 40 สาขาทั่วโลก โดยเน้นการทำตลาดในรูปแบบ B2B (Business to Business) เป็นหลัก 

          สำหรับ พีซีเอส เป็นการให้บริการแม่บ้านทำความสะอาด บริการรักษาความปลอดภัย ดูแลสวน ซ่อมแซมอาคาร ฯลฯ หรือที่เรียกว่า Hard Services ในส่วนของ แคนนอน ไฮยีน นั้น เป็นบริการด้านสุขอนามัยภายในห้องน้ำหรือ Soft Services โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้า กลุ่มอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย และกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและสถานศึกษา เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ Middle ถึง Premium Hi-end ซึ่งปัจจุบัน มีลูกค้ากว่า 1,000 รายในประเทศไทย 

          เซบาสเตียน พาวเวอร์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด กล่าวว่า “ที่เราทำตลาดในรูปแบบ B2B เพราะจริงๆ แล้วเราเน้นการบริการมากกว่า เราต้องมีพนักงานเข้าไปดูแลเครื่องให้ได้มาตรฐาน รูปแบบบริการคือ เราจะให้ลูกค้าดูบริการทั้งหมด เราขายในรูปแบบครอบครัวโดยที่ไม่ได้แบ่งแยกเป็นชิ้นๆ เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกัน ซึ่งเมื่อลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่ชอบเสร็จ เราก็รับผิดชอบในการติดตั้ง บริการเติมน้ำยา เช็กความพร้อมในการใช้งาน โดยที่เราดูแลทุกอย่างให้ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์คู่กับแม่บ้าน หรือซื้อแบบเดี่ยวก็ได้เช่นเดียวกัน” 

          ล่าสุด แคนนอน ไฮยีน ยังคงตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านบริหารจัดการออกแบบครบวงจร ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยการเปิดตัว Imagine ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยในห้องน้ำดีไซน์ใหม่ ดึงความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ ด้วยสีที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ ขาว ดำ เงิน ฯลฯ และนวัตกรรม RFID (Radio Frequency Identification) ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มีจุดเด่นคือ รีฟิลทั้งหมดมีลักษณะเป็นถุง ใช้แล้วสามารถทิ้งพร้อมหัวจ่าย มั่นใจได้ในความสะอาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล ที่มีสัดส่วนกว่า 30% 

          อคริมา อภิพรพัชร ผู้อำนวยการส่วนธุรกิจแคนนอน ไฮยีน กล่าวว่า “ด้วยข้อบังคับมาตรฐาน JCI (The Joint Commission International) ของโรงพยาบาล เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ เพราะ JCI บอกว่า เชื้อโรคต้องไม่ส่งต่อ อย่างตัวเติมรีฟิลแบบเก่าเติมแล้วเติมเล่าไม่มีการล้าง แต่ของเราเป็นแบบถุง เวลาเปลี่ยน เปลี่ยนทั้งหมด อันนี้จึงสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี” 

          ทั้งนี้ ตลาดในประเทศไทยปัจจุบัน แม้ว่าจะยังสู้ประเทศในแถบยุโรปไม่ได้ แต่หากมองในแง่พฤติกรรมลูกค้าในไทย ถือว่ามีการศึกษาหาข้อมูล มีความเข้าใจ และใส่ใจในเรื่องของสุขอนามัยในห้องน้ำมากขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา สังเกตได้จากสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด หรือ สถานบริการน้ำมัน มีการแข่งขันกันเรื่องความสะอาดของห้องน้ำมากขึ้น นั้นจึงเป็นสัญญาณที่ทาง แคนนอน ไฮยีน เชื่อว่าจะส่งผลให้ธุรกิจเดินไปในทิศทางบวกในอนาคต  

          เซบาสเตียน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ยอดขายปีที่แล้วเราเติบโตขึ้นมา 30-35% ต่อเนื่องมา 2-3 ปี พอมีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาแล้ว ปีนี้เราจึงมีเป้าหมายที่จะเติบโตในระดับที่เท่ากัน คือ 30% เพราะธุรกิจที่นี่มีมานานแล้ว การเติบโตปีต่อปี 30% ขึ้นมันไม่น้อย นี้คือ ธุรกิจที่เรามองเห็นว่าโอกาสเติบโตมีมาก และทางเราก็ตั้งใจที่จะเป็นผู้นำในตลาดต่อไป” 

          “สิ่งที่แคนนอน ไฮยีน ให้ความสำคัญสูงสุดนั้น ไม่ใช่แค่คุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือการบริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความพึงพอใจของผู้ใช้ ที่ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ให้เกิดความประทับใจสูงสุดอีกด้วย” อคริมา กล่าวทิ้งท้าย