ข่าวฮ็อตก่อนปิดสิ้นปีนี้ ต้องยกให้กับข่าว ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศเทคโอเวอร์ ธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค (เพอร์มาตา:Permata) ธนาคารใหญ่อันดับ 12 ของอินโดนีเซีย เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม โดยซื้อหุ้นจาก ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และ พีที แอสทร่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทีบีเค 89.12% และจะซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของเพอร์มาตาอีก 10.88% ในภายหลัง
กระบวนการเทคโอเวอร์
สำหรับการเข้าเทคโอเวอร์ของดีลนี้แบ่งเป็นสองขั้นตอน ดังนี้
ดังนั้น หากคำนวณมูลค่าตามบัญชีของเพอร์มาตา ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ราคาซื้อหุ้นเบื้องต้นจะอยู่ที่ 1,498 รูเปีย/หุ้น สำหรับการถือหุ้นสัดส่วน 89.12% มูลค่าธุรกรรมเบื้องต้นจะอยู่ที่ 37,430,974 ล้านรูเปีย (ประมาณ 2,674 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 81,017 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 13,999 รูเปียเท่ากับ 1 เหรียญสหรัฐและ 462 รูเปียเท่ากับ 1 บาท)
ทั้งนี้ การถือหุ้น 100% จะมีมูลค่าเบื้องต้นจะอยู่ที่ 42,001,080 ล้านรูเปีย (ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 90,909 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 13,999 รูเปียเท่ากับ 1 เหรียญสหรัฐและ 462 รูเปียเท่ากับ 1 บาท)
อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมนี้จะสำเร็จได้ เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับ รวมถึงการได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย (Otoritas Jasa Keuangan) ตลอดจนการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของธนาคารกรุงเทพ
ในการเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะใช้เงินทุนภายในและแหล่งเงินทุนที่ได้จากการจัดหาเงินทุนตามปกติของธนาคารและคาดว่า เมื่อธุรกรรมแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มกำไรต่อหุ้น และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นของธนาคารได้ทันที ขณะที่ธนาคารยังคงมีฐานะเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อไป
ขยายโอกาส - ตลาด
ดีลครั้งนี้แน่นอนว่า เป็นการขยายฐานตลาดและขยายโอกาสทั้งกับฟากของธนาคารกรุงเทพฯ และ เพอร์มาตา ทั้งนี้ รายงานจาก Bloomberg วันที่11 ธันวาคม 2562 ได้ระบุถึงเหตุผลของการมองหาตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียของธนาคารกรุงเทพฯ ว่า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยที่ยังคงลดต่ำ ขณะที่มีประมาณการว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2563 น่าจะขยายตัวได้ถึง 5%
ทว่า เมื่อมองเหตุผลถึงการขยายธุรกิจของธนาคารกรุงเทพฯ ที่แถลงอย่างเป็นทางการว่า ธนาคารฯ เองก็เดินกลยุทธ์เชื่อมโยงสู่ภูมิภาคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนลูกค้าของธนาคารในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ โดยปัจจุบันถือว่า ธนาคารกรุงเทพฯ ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีเครือข่ายสาขาในต่างประเทศกว้างขวางที่สุดและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาขาครอบคลุม 14 เขตเศรษฐกิจสำคัญของโลกและมีสินเชื่อของกิจการต่างประเทศคิดเป็น 17% ของสินเชื่อรวมของธนาคาร
ขณะเดียวกัน ฟากของเพอร์มาตา ธนาคารชั้นนำของอินโดนีเซียเองก็มีเครือข่ายขนาดใหญ่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ด้วยความโดดเด่นของฐานเงินฝากและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นเลิศ รวมถึงทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูง เพอร์มาตาพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งหลังการปรับโครงสร้างองค์กรที่ผ่านมา
อินโดนีเซีย - ตลาดอนาคตดี
การเข้าซื้อกิจการเพอร์มาตาจะตอกย้ำถึงพันธะผูกพันที่ธนาคารมีต่ออินโดนีเซียซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2511 และช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำของธนาคารกรุงเทพในระดับภูมิภาค ด้วยฐานธุรกิจที่มั่นคงทั้งในไทยและอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ปิติ สิทธิอำนวย ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อินโดนีเซียเป็นตลาดที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุดในเอเชียและมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก มีปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ที่เอื้ออำนวย ตลอดจนมีความเชื่อมโยงของประเทศในเขตเศรษฐกิจอาเซียนที่เพิ่มขึ้น“
ขณะที่ ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“จากประสบการณ์โดยตรงในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียและความเข้าใจในภาคธุรกิจธนาคารอย่างลึกซึ้ง เราเชื่อมั่นว่า ธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซียมีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยยังคงรักษาอัตราผลกำไรที่ดี เพอร์มาตาจะเป็นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยเสริมเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร ด้วยช่องทางการให้บริการที่กว้างขวาง ความโดดเด่นของฐานเงินฝากและชื่อเสียงของธนาคาร ตลอดจนความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง
การรวมกันระหว่างสองธนาคารก่อให้เกิดการประสานพลังความร่วมมืออย่างชัดเจนด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายต่างประเทศที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวางของธนาคารกรุงเทพในเอเชียและความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเพอร์มาตา สามารถเข้าถึงตลาดสำคัญทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อพร้อมรับการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในอาเซียนและกับภูมิภาคจีนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งว่า แอสทร่า จะยังคงความเป็นพันธมิตรในการทำธุรกิจและให้การสนับสนุนร่วมกับเพอร์มาตาต่อไป”