ในปี 2562 ที่ผ่านมาสรุปยอดขายรถยนต์ในประเทศน่าจะหดตัว -4% (yoy) หรือปิดยอดได้ราว 1 ล้านคัน เห็นภาพรวมยอดขายหดตัว ต้องบอกว่าภาพครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลังของปีที่แล้วกลับข้างกันอย่างตาลปัตร
กล่าวคือ ครึ่งปีแรก ยอดขายขยายตัวได้ 7.1% เนื่องจากได้รับผลของโมเมนตัมที่ดีจากปีก่อนหน้าบวกกับครึ่งปีแรกมีการเปลี่ยนโมเดลรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดกระตุ้นยอดขายทำให้ยอดขายขยายตัวได้ดี แต่ภาพครึ่งปีหลังยอดขายรถยนต์ทรุดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ยอดขายหดตัว -13.8%
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2563 จะอยู่ที่ 9.6 แสนคัน หรือหดตัวราว -4% ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากเหตุผล 3 ประการ ดังนี้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ในประเทศหดตัวในปีนี้ แต่ทว่าหากประเมินพื้นฐานความต้องการรถยนต์ในประเทศพบว่ายังพอมีอยู่ สาเหตุเนื่องจากรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนไทยมีอายุเฉลี่ย 7 ปี และหากพิจารณารถยนต์ที่มีอายุราว 6-7 ปีบนท้องถนน พบว่ามีรวมกันกว่า 2.47 ล้านคัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่ถูกซื้อโดยได้รับสิทธิ์ตามนโยบายโครงการรถคันแรก
จึงประเมินว่ามีโอกาสที่ผู้ถือครองรถยนต์อายุ 6 - 7 ปีจะเปลี่ยนเป็นรถใหม่ เพราะถึงรอบของการเปลี่ยนรถยนต์ตามอายุ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน “ความกังวลด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้ผลมากกว่าความต้องการเปลี่ยนรถใหม่ตามพื้นฐาน” คาดว่าหากเศรษฐกิจในอนาคตมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ จะเห็นการกลับมาของยอดขายรถยนต์ที่เติบโตได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี แนะนำผู้ประกอบการดีลเลอร์รถยนต์ ทำตลาดจากลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ โดยใช้ฐานข้อมูลลูกค้าเก่าที่ซื้อรถยนต์ของท่าน จากนั้นทำการวิเคราะห์หาลูกค้าเก่าที่มีศักยภาพและทำการนำเสนอผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีที่ดีกว่าและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่ารถเก่าของลูกค้า รวมถึงใช้ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
นอกจากนี้ยังแนะนำผู้ประกอบการดีลเลอร์ให้เพิ่มรายได้จากการให้บริการก่อนและหลังการขายที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยประคับประคองยอดขายที่ซบเซาได้ในปีนี้