แม้ว่าธุรกิจร้านแลกเงินจะไม่ใช่ธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรงมากนัก แต่ก็เป็นธุรกิจที่มีจำนวนผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่เปิดให้บริการในพื้นที่ต่างๆ รวมกันอยู่ไม่ต่ำกว่า 90 ราย โดยเกือบทุกร้านมีกลยุทธ์จูงใจผู้บริโภคในลักษณะเดียวกันคือมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าธนาคาร
ในด้านผู้นำและผู้บุกเบิกธุรกิจร้านแลกเงินอย่าง 'เอสพีอาร์ ซุปเปอร์ริช' หรือที่คนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า ‘ซุปเปอร์ริชสีส้ม’ ซึ่งเปิดให้บริการมายาวนานกว่า 50 ปี ถือว่ามีความได้เปรียบและมีความพร้อมมากที่สุด ด้วยการมีสาขาให้บริการมากถึง 30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงสำนักงานสาขาที่ประเทศอังกฤษ อีกทั้งยังรุกขยายสาขาเข้าสู่ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้ามหานคร ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกได้เป็นอย่างดี
ปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์ริช อินเตอร์เนชั่นเนล เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด หรือ SPR SuperRich เปิดเผยว่า “สำหรับในปีนี้บริษัทฯ จะทำการรุกตลาดมากขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้มีความทันสมัยและสะท้อนความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถสังเกตแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ไม่สับสนกับแบรนด์คู่แข่งที่มีชื่อคล้ายกัน รวมไปถึงแผนในการขยายสาขาใหม่อย่างน้อย 10 สาขาในย่านธุรกิจ พร้อมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการแลกเงินมาใช้ รวมถึงบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการจองเงินผ่านระบบออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์โดยสามารถไปรับเงินสาขาที่สะดวก และในอนาคตมีแผนจะพัฒนาตู้แลกเงินอัตโนมัติด้วย ในขณะเดียวกันเราก็มองธุรกิจอื่นเพื่อต่อยอดจากธุรกิจรับแลกเงินเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สินค้าของฝากและของที่ระลึก เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อีกทาง”
สำหรับในปี 2558 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยสูงถึง 29 ล้านคน ส่งผลให้บริษัทฯ มีลูกค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยหากนับเฉพาะการซื้อขายของบริษัทฯ คิดเป็นมูลค่าการซื้อ-ขายเงินสกุลต่างประเทศถึง 12,500 ล้านบาท มากกว่าปี 2557 ที่ 11,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นเกินกว่า 10% ในขณะที่ปี 2559 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกมาจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเงินสดหมุนเวียนสำหรับการซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศในทุกสาขาอยู่ราว 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สาขาขนาดใหญ่ใช้เงินหมุนเวียนราว 5-10 ล้านบาทต่อสาขา ในขณะที่สาขาขนาดเล็กจะใช้เงินหมุนเวียนเพียง 1-2 ล้านบาทต่อสาขา โดยปัจจุบันบริษัทฯ กำลังมองหาพันธมิตรใหม่มาช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีเงินหมุนเวียนราว 500 ล้านบาท และสามารถเติบโตได้ถึง 50-100%
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการหาที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้ตรวจสอบบัญชี เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2561 เพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติและระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต
FYI 'เอสพีอาร์ ซุปเปอร์ริช' ได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ให้มีความทันสมัยแตกต่างจากคู่แข่ง โดยนำเอาสัญลักษณ์ลูกศรที่เป็นเส้นโค้ง 2 อันมาประกบกันเป็นรูปตัว S หรือเป็นเครื่องหมาย Infinity สะท้อนถึงความพร้อมในด้านเงินสดหมุนเวียนไว้บริการแก่ลูกค้า อีกทั้งยังหมายถึงความเจริญเติบโตที่ไม่สิ้นสุด ตามด้วยตัวอักษร SuperRich สีส้ม ที่มีความโดดเด่น หนักแน่น และน่าเชื่อถือ ตามความเชื่อของชาวจีนที่ว่า สีส้มหมายถึง ทองคำ การให้โชคให้ลาภ |