กลุ่มดุสิตธานีขานรับโครงการเที่ยวปันสุข มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ด้วยการจัดเต็มโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแพ็กเกจ Journey Together พร้อมส่งโรงแรมในเครือเข้าร่วมโครงการ กับยกระดับความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเต็มที่ ด้วยการได้รับกการรับรองตามมาตรฐาน SHA เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว ชี้กว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติเหมือนเดิมยังอีกนานต้องประคองตัวกันให้ได้ด้วยการวางยุทธศาสตร์บริหารจัดการที่ดี
ทยอยเปิดโรงแรมเป็นเฟส
ทั้งนี้ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดุสิตธานี หรือ DTC เปิดเผยถึงการส่งโรงแรมในกลุ่มดุสิตธานี เพื่อร่วมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐว่า
"กลุ่มดุสิตธานีได้ทยอยเปิดให้บริการธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นเฟส กล่าวคือ ในเฟสแรก ได้เปิดให้บริการโรงแรมในประเทศไทยที่ดุสิตธานีเป็นเจ้าของเอง จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน, โรงแรมดุสิตธานี พัทยา และโรงแรมดุสิตธานี สวีท ราชดำริ กรุงเทพฯ
ส่วนโรงแรมที่กลุ่มดุสิตธานีรับบริหารหรือเป็นแฟรนไชส์ จำนวน 4 แห่ง ซึ่งได้แก่ โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่, โรงแรมดุสิตดีทู อ่าวนาง กระบี่, โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ รวมถึงโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ในกรุงเทพฯ ได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้
ขณะที่โรงแรมที่เหลือในส่วนดุสิตธานีเป็นเจ้าของอีก 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่าภูเก็ต, โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่, โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส เชียงใหม่ และโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ ซึ่งมีฐานลูกค้าหลักเป็นนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนอีกครั้ง โดยเฉพาะการคลายล็อกดาวน์ในระยะต่อไป ข้อจำกัดในการเดินทาง รวมถึงสถานการณ์ของ Travel Bubble”
สำหรับ ร้านอาหารบ้านดุสิตธานีนั้น ศุภจีกล่าวว่า "ทางกลุ่มดุสิตธานีได้เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา"
แพ็กเกจ Journey Together
ศุภจีกล่าวต่อไปถึงการปล่อยแพ็กเกจโปรโมชั่น เพื่อร่วมโครงการเที่ยวปันสุขว่า "เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวและตอบรับกับมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการเราไปเที่ยวกัน กลุ่มดุสิตธานีจึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษด้วยแพ็กเกจ Journey Together with Dusit เริ่มต้นในราคาเพียง 4,000 บาทสุทธิ ซึ่งราคานี้เป็นราคาสำหรับ 2 ท่านต่อคืน รวมอาหาร 3 มื้อต่อวัน โดยลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะรับประทานอาหารกับโรงแรมทั้งสามมื้อ หรือเลือกที่จะเปลี่ยนบรรยากาศจากอาหารโรงแรม เป็นรับบริการอาหารจัดส่งฟรี จากร้านอาหารพันธมิตรชื่อดังของเราได้หนึ่งมื้ออีกด้วย โดยแพ็กเกจนี้สามารถทำการสำรองและเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 ตุลาคม 2563 ในโรงแรมและรีสอร์ตเครือดุสิตที่เข้าร่วมในประเทศไทย"
มาตรฐานเข้ม 'ปลอดภัยและสุขภาพ'
สำหรับมาตรการยกระดับทางด้านความปลอดภัยและสุขภาพนั้น ศุภจีกล่าวว่า "ทางกลุ่มดุสิตธานีได้เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะหลังจากที่เกิดวิกฤติโควิด-19 สิ่งที่กลุ่มดุสิตธานีให้ความสำคัญมากคือความปลอดภัยและเรื่องสุขอนามัย ซึ่งมีอยู่สามแกนหลัก นั่นคือ Physical Distancing (การเว้นระยะห่าง), Safety Hygiene (สุขอนามัยที่ปลอดภัย) และ Contactless (ไร้สัมผัส) ในการรักษาความสะอาดและลดจุดสัมผัสให้ได้มากที่สุด ซึ่งในช่วงที่เราหยุดให้บริการชั่วคราว พนักงานจะต้องเข้ารับการอบรมให้เข้าใจว่า มาตรฐานใหม่ในการดูแลเรื่องความสะอาดที่เรียกว่า New Normal ทั้งในแง่ความปลอดภัยและสุขอนามัย ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงที่เราต้องปรับเรื่องกระบวนการให้ตอบสนองกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ การยกระดับของเรานั้นเป็นการให้บริการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของลูกค้า โดยได้ดำเนินการยื่นขอรับสัญลักษณ์ SHA หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration ซึ่งเป็นโครงการที่จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงสาธารณสุข หอการค้าไทย และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยได้ร่วมกันทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคโควิด-19
ดังนั้น ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวจึงเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของสถานประกอบการที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่จะมาใช้บริการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ขณะนี้โรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีทุกแห่งในประเทศไทยต่างได้รับตราสัญลักษณ์ SHA แล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับบริการ 'ดุสิตแคร์' บริการตอบรับวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เน้นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของเราด้วย ก็หวังว่า จะสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจและปลอดภัยที่จะเข้าใช้บริการของโรงแรมในกลุ่มดุสิตธานีมากยิ่งขึ้น”
ยุค Dusit 'New Normal'
ในช่วงวิกฤติโควิด-19 กลุ่มดุสิตธานีเผชิญกับความท้าทายอยย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ศุภจี บอกว่า "การบริการที่ประทับใจคือแกนหลักที่จำเป็นสำหรับธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานี" ทั้งนี้บริการที่ว่านี้ ประกอบด้วย
ยังรอนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แม้ว่าในช่วงนี้ การเดินทางจะยังถูกจำกัดอยู่ โดยเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มครอบครัว ขณะที่การเดินทางสำหรับธุรกิจอาจจะยังไม่กลับมาในช่วงนี้ เนื่องจากบริษัทต่างๆ อาจเลือกที่จะใช้ Online Conference ได้ แต่ช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เราเชื่อว่า ประเทศไทยน่าจะเริ่มเปิดประเทศต้อนรับผ็เดินทางจากต่างประเทศ โดยในช่วงนี้อาจจะเป็นกลุ่มคนที่เดินทางระยะใกล้ๆ ก่อน เช่น เอเชีย หรือจีน เนื่องจากประเทศกลุ่มนี้เผชิญวิกฤติก่อนประเทศไทยซึ่งทำให้ทราบวิธีที่จะนับมือกับวิกฤติโควิด-19 ดังนั้น โจทย์ของเราในช่วงนี้คือ ต้องทำแพ็กเกจอย่างไรจึงจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ ขณะที่กลางปีหน้าคาดว่าจะเป็นกลุ่มนักเดินทางที่เดินทางไกลขึ้น เช่น จากยุโรป อเมริกา สามารถกลับมาท่องเที่ยวได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ศุภจีกล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า "สิ่งที่เราจะต้องทำคือ การสร้างมาตรฐานการบริหารให้ดียิ่งๆ ขึ้นและต้องแน่ใจว่า เราจะสามารถให้การบริการที่สร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าได้"