สตาร์ทอัพไทยเลือกขยี้ Painpoint คนไทยยุควิกฤติโควิด-19 ที่เป็นสังคมไร้เงินสดจริงๆ ด้วยแอพพลิเคชั่น QPER “คนหางาน ได้หาเงิน” เพื่อเป็นตัวกลางในการหางาน สร้างรายได้ให้คนไทย รับมือปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก พร้อมจัดแคมเปญ “ไทยช่วยกัน” ช่วยคนว่างงาน มีหนี้ รายได้ไม่พอใช้ มีช่องทางหาเงินตลอด 24 ชั่วโมงใกล้บ้าน ประกาศยกเว้นค่าบริการเปิดร้านรายวันจนกว่าจะมีวัคซีนโควิด-19 คาดถึงสิ้นปีนี้จะมีผู้ลงทะเบียนและใช้งานในระบบไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ 200-300 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 2,000-3,000 ล้านบาทในปี 2564
นรบดี ผดุงเจริญ และ จิรัฏฐ์ กุลทรัพย์มงคล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คิวเปอร์ จำกัด เปิดเผยถึงที่มาของแอพพลิเคชั่น QPER ว่า จากวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทยและทั่วโลกที่ชะลอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและวิกฤติโควิด-19 ที่ยิ่งตอกย้ำความรุนแรงและชัดเจนเร็วขึ้น ส่งผลให้มีปัญหาคนตกงานมากขึ้น รวมถึงมีรายได้ลดลง บริษัทฯ จึงพัฒนา QPER แอพพลิชั่น “คนหางาน ได้หาเงิน”ขึ้น เพื่อเป็นตัวกลางเปิดโอกาสให้คนไทยมีงาน สร้างรายได้ ทั้งที่เป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม ทั้งนี้ จากผลสำรวจหลายสำนักพบว่า คนไทยจำนวนมากทั้งในภาคอุตสาหกรรม การผลิต การท่องเที่ยว ฯลฯ ถูกเลิกจ้าง ลอยแพ บางส่วนถูกปรับลดเงินค่าจ้างและยังคงมีแนวโน้มมากขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งจะมีนักศึกษาจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานมาสมทบทำให้หางานได้ยากขึ้น ดังนั้น การเปิดตัว QPER ในช่วงวิกฤตครั้งนี้จึงย่อมจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนไทยมีงานทำ มีรายได้ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อีกด้วย
“ที่ผ่านมาเราพึ่งพาและใช้บริการแพล็ตฟอร์มต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นของต่างประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google, Youtube ฯลฯ เงินเหล่านี้จะไหลออกต่างประเทศทั้งหมด แต่สำหรับ QPER เราเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพสัญชาติไทย คิดค้นและพัฒนาด้วยทุนส่วนตัวทั้งหมด เพื่อให้คนไทยมีโอกาสได้ใช้แอพพลิเคชั่นดีๆ ของคนไทย สำหรับช่วยหางานและเพิ่มช่องทางในการหารายได้เป็นกระเป๋าเงินใบที่ 2 และใบที่ 3 ที่สำคัญ QPER ยังเป็นแพล็ตฟอร์มแรกที่เงินทุกบาทที่ใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่น จะหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศไทยทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์” นรบดี กล่าว
ทั้งนี้ QPER จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมให้ผู้ให้บริการและผู้รับบริการให้มาเจอกันด้วยระบบ “เรดาห์” ที่ถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบ Consumer to Consumer หรือ C2C ให้ได้มากที่สุด รวบรวม และเปิดโอกาสให้ทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ในทุกภูมิภาคของประเทศได้นำความรู้ ความสามารถ หรือสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญและเวลาว่าง มาสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมงใกล้บ้าน อาทิ แม่บ้าน, คนขับรถ, แม่ครัว, ช่างไฟ, ช่างแอร์, ช่างซ่อมรถ, ติวเตอร์, เทรนเนอร์, หมอดู, หมอนวดแผนไทย, ช่างเสริมสวย, ไกด์นำเที่ยว, นักการตลาด, นักบัญชี ฯลฯ เป็นต้น ตลอดจนยังสามารถสร้างสรรค์อาชีพใหม่ๆ ได้ตามความคิดสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์ตลาด อาทิ รับจ้างต่อคิว, ช่วยยกของ, พาไปรับประทานอาหาร, ไกด์หาร้านอร่อยย่านฝั่งธน, พาไหว้พระศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด เป็นต้น โดยสามารถเลือกเปิดร้าน รับงานในช่วงวัน เวลา ใดก็ได้ และกำหนดอัตราค่าใช้บริการได้ด้วยตัวเอง
“ระบบ เรดาห์ ที่พัฒนาขึ้นนี้จะทำให้ผู้ให้บริการและผู้รับบริการหากันเจอในระยะใกล้ ขณะที่ผู้ให้บริการก็พร้อมบริการทันที และเพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการและรับบริการกันทั้ง 2 ฝ่าย และสามารถสื่อสารด้วยการแชตได้เป็นระบบแรกๆ ในประเทศไทย เช่น การพูดคุย การตกลงราคาค่าบริการกันเองตามความพึงพอใจ สร้างใบเสนอราคา ตกลงจุดนัดหมาย รวมทั้งระบบจ่ายเงินที่สามารถจ่ายได้ทันทีในแชท โดยไม่ต้องออกจากแอพพลิเคชั่นเพื่อไปโอนเงินผ่านระบบต่างๆ ของธนาคารให้ยุ่งยากอีกด้วย” นรบดี กล่าว
สำหรับการลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ ผ่าน QPER-Provider นั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 2 ส่วนเท่านั้น คือ
1.ค่าบริการเปิดร้านให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการมองเห็นเรดาห์วันละ 1 บาท (ภายใน 24 ชั่วโมง) เพื่อกันคนไม่พร้อมให้บริการเปิดหน้าร้านทิ้งไว้ โดยผู้ให้บริการต้องซื้อแพ็กเกจเวาเชอร์ (Voucher) ซึ่งมีให้เลือก 30 วัน, 60 วัน, 90 วัน หรือ 1 ปี และจะจ่ายเงินต่อเมื่อเปิดหน้าร้าน
2.ค่าบริการดำเนินการที่เกิดจากการว่าจ้างจริงของผู้ให้บริการในอัตรา 9% ของรายได้ที่ว่าจ้างจริง ซึ่งบริษัทฯ คิดเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารจัดการ ค่าการตลาด ค่าดูแลระบบ ฯลฯ ซึ่งอัตราดังกล่าวนี้ ต่ำกว่าบริการของแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ในตลาดค่อนข้างมาก ทั้งนี้ เพื่อต้องการส่งผ่านระหว่างผู้ให้บริการไปถึงผู้ใช้บริการ หรือ C2C ให้ได้มากที่สุด
ในเบื้องต้นนี้ QPER จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ให้บริการในทุกสาขาอาชีพไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน ทั้งนี้ คาดว่าถึงสิ้นปี 2563 นี้จะผู้ลงทะเบียนและใช้งานในระบบไม่ต่ำกว่า 1 แสนรายและมีเม็ดเงินหมุนสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศผ่าน QPER ประมาณ 200-300 ล้านบาท และตั้งเป้ามีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศผ่านเครือข่าย QPER ในปี 2564 ราวๆ 2,000-3,000 ล้านบาท
เพื่อช่วยเหลือคนไทยพ้นวิกฤติ QPER ได้จัดแคมเปญ “ไทยช่วยกัน” เพื่อช่วยให้ “คนที่หางาน ได้หาเงิน” โดยยกเว้นค่าบริการเปิดร้านวันละ 1 บาท จนกว่าไทยจะมีวัคซีนโควิด-19 ซึ่งคาดว่าน่าจะราวกลางปี 2564 เพื่อช่วยคนไทยทุกกลุ่ม ที่กำลังมองหารายได้หลักหรือเสริมได้มีโอกาสสร้างรายได้ สนใจ QPER-Provider และ QPER-User ดาวน์โหลดได้ฟรี ทาง App Store และ Google play