งานวิจัยใหม่ชี้คนไทยชอบเที่ยว เผยผู้เดินทางธุรกิจไทยกว่าร้อยละ 43 ยอมเลือกงานที่ได้รับค่าตอบแทนต่ำ เพื่อแลกโอกาสในการเดินทางติดต่อธุรกิจบ่อยขึ้น ซึ่งสูงกว่าสถิติทั่วโลกถึงร้อยละ 13 จากผลวิจัยที่จัดทำโดย Booking.com สำหรับธุรกิจ ผู้นำระดับโลกด้านการเชื่อมโยงผู้เดินทางติดต่อธุรกิจกับตัวเลือกที่พักหลายหลายประเภท แสดงให้เห็นว่านายจ้างมักจะละเลยการให้ความสำคัญกับทริปเดินทางธุรกิจ ทั้งๆ ที่สามารถใช้เป็นเครื่องต่อรองค่าตอบแทนและจูงใจพนักงาน อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยในการรักษาพนักงานให้ทำงานกับบริษัทต่อไปได้

ผลงานวิจัยนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มโดยรวม โดย Booking.com สำหรับธุรกิจ พบว่ามีพนักงานที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างการเดินทางติดต่อธุรกิจและการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เดินทางติดต่อธุรกิจไทยถึงร้อยละ 71 ขยายระยะเวลาทริปธุรกิจและเดินทางไปยังเมืองหรือประเทศอื่นๆ ต่อ ถือเป็นสถิติสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศที่ทำการสำรวจทั้งหมด โดยเกือบ 1 ใน 3 ของผู้เดินทางกลุ่มนี้ (ร้อยละ 37) กล่าวว่าตั้งใจจะทำเช่นนี้อีกในปีพ.ศ. 2560 นอกจากนี้ Booking.com สำหรับธุรกิจ ยังคาดการณ์ว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงปีถัดไป โดย 46% ของผู้ตอบเข้าร่วมงานวิจัยเชื่อว่าในปีพ.ศ. 2560 พวกเขาจะได้เดินทางติดต่อธุรกิจเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

นาวสาวริปซี แบนดูเรียน ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ Booking.com สำหรับธุรกิจ กล่าวว่า “ผู้เดินทางไม่ได้มองว่าการเดินทางติดต่อธุรกิจเป็นการเสียเวลา หรือความลำบากในหน้าที่การงานอีกต่อไป แต่กลับมองว่าทริปธุรกิจนั้นเป็นโอกาสในการเปิดโลกทัศน์ ค้นหาแรงบันดาลใจและความก้าวหน้าในการทำงาน ทุกวันนี้พนักงานยุคดิจิทัลต่างพร้อมออกเดินทางและมีความยืดหยุ่นกับแผนการเดินทางมากขึ้น ตลอดจนมองหาโอกาสในการผนวกทริปธุรกิจเข้ากับทริปท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว จนสามารถทำงานพร้อมท่องเที่ยวได้ในทริปเดียวกัน

พนักงานเหล่านี้จึงมีความคาดหวังให้นายจ้างตอบรับความต้องการของตน ทั้งในเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเจรจาปรับลดค่าตอบแทนเพื่อให้ได้ตามความคาดหวังดังกล่าว และนี่จึงเป็นเหตุผลให้ Booking.com สำหรับธุรกิจมุ่งเสนอตัวเลือกที่พักที่หลากหลายสำหรับผู้เดินทางติดต่อธุรกิจ ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการค้นหาที่พัก รวมถึงช่วยจัดการให้พวกเขาได้เพลิดเพลินกับทริปธุรกิจของบริษัทได้อย่างง่ายดาย ชาญฉลาด และคุ้มค่าที่สุด”

เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแนะนำบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับความต้องการที่กำลังเปลี่ยนไปของผู้เดินทางติดต่อธุรกิจ Booking.com สำหรับธุรกิจ จึงได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มต่างๆ รวมถึงรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางติดต่อธุรกิจเพิ่มขึ้น ดังนี้

จุดหมายทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่กำลังเติบโต

แม้ว่าเมืองใหญ่ๆ อย่างลอนดอน ปารีส และแฟรงก์เฟิร์ตจะยังคงเป็นจุดหมายธุรกิจยอดนิยม แต่ Booking.com สำหรับธุรกิจยังค้นพบอีก 10 เมืองที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากผู้เดินทางติดต่อธุรกิจ โดยมีปราก บูดาเปสต์ และกวางโจว อยู่ในรายชื่อของบรรดาเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในด้านการเดินทางติดต่อธุรกิจ (อ้างอิงจากอัตราการจองที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา) และร้อยละ 55 ของผู้เดินทางรู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินทางติดต่อธุรกิจ อีกทั้งจุดหมายที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้มักดึงดูดให้พวกเขายืดระยะเวลาของทริปออกไปอีกหลายวัน เพื่อออกสำรวจและใช้เวลาช่วงที่ได้เดินทางออกนอกออฟฟิศให้คุ้มค่าที่สุด

ช่วงเวลาสูญเปล่าอันน่าหงุดหงิด

ช่วงเวลาที่สูญเปล่า เป็นอุปสรรคสำคัญของผู้เดินทางติดต่อธุรกิจยุคใหม่ โดยงานวิจัยของ Booking.com สำหรับธุรกิจเปิดเผยว่าร้อยละ 68 ของผู้เดินทางคนไทยต้องการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด เมื่อไปเยือนจุดหมายใหม่ๆ ดังนั้นการลดเวลาการเปลี่ยนเครื่องและเพิ่มเวลาสำหรับการออกสำรวจจุดหมายใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง และเพื่อให้ผู้เดินทางติดต่อธุรกิจได้รับประสบการณ์ดังกล่าว Booking.com สำหรับธุรกิจจึงได้จัดทำแผนที่สำหรับใช้เป็นคู่มือในการเดินทาง พร้อมแสดงเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเดินทางตั้งแต่ออกจากเครื่องบินจนไปถึงที่พักย่านใจกลางเมืองในจุดหมายธุรกิจยอดนิยม 20 แห่งทั่วโลก โดย 5 อันดับแรกประกอบด้วย:

ผู้เดินทางติดต่อธุรกิจรุ่นใหม่

ผู้เดินทางติดต่อธุรกิจรุ่นใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะจองทริปและเปลี่ยนแผนการเดินทางในนาทีสุดท้าย โดยงานวิจัยจาก Booking.com เผยว่าเกือบ 1 ใน 4 (ร้อยละ 23) ของผู้เดินทางติดต่อธุรกิจภายในประเทศ จะจองทริปของพวกเขาเพียง 1 สัปดาห์ก่อนเดินทางเท่านั้น ในขณะที่ 1 ใน 4 (ร้อยละ 24) ของผู้เดินทางติดต่อธุรกิจในต่างประเทศนั้น จองทริปติดต่อธุรกิจ 4 สัปดาห์หรือน้อยกว่าก่อนเดินทาง

“จะเห็นได้ชัดว่าแนวทางแบบ “One size fits all” (แนวทางที่มองว่าสิ่งๆ เดียวสามารถใช้ได้กับบุคคลทุกประเภท) นั้นไม่สามารถตอบโจทย์ผู้เดินทางติดต่อธุรกิจรุ่นใหม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจจุดหมายใหม่ๆ การใช้เทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชั่นเพื่อให้ได้รับบริการที่ไร้รอยต่อ หรือจะเป็นการลองเข้าพักที่พักแปลกใหม่ เช่น วิลล่าหรือโฮมสเตย์ บริษัทต่างๆ ควรเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับนโยบายการเดินทางของบริษัท หรืออนุญาตให้พนักงานสามารถวางแผน จองที่พัก และจัดการแผนการเดินทางได้ด้วยตนเอง โดยการทำเช่นนี้ บริษัทจะได้รับสิ่งตอบแทนเป็นความพึงพอใจของพนักงานอย่างมหาศาล อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทดึงดูดผู้สมัครที่มีความสามารถได้อีกด้วย” ริปซีเสริม