ซัมมิท แคปปิตอล ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคลในประเทศไทย เผยผลประกอบการเดือนมกราคม-กันยายน 2563 พร้อมตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 10%ในปีหน้า ด้วยกลยุทธ์เน้นปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในองค์กร

ฮิเดโตโมะ ฟูจิวาระ ประธานบริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ในช่วงม.ค.-ก.ย. 2563 แม้ธุรกิจจะมีการชะลอตัวลงบ้างจากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น 3.85% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 มีจำนวนสัญญาเช่าซื้อรวมทั้งสิ้น 274,817 สัญญา เพิ่มขึ้นจาก 264,624 สัญญาในช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 7.3% เป็น 8.8% ทั้งนี้ แม้ตลาดรถจักรยานยนต์จะยังอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่เนื่องจากรถจักรยานยนต์ยังเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตและประกอบธุรกิจของคนไทยจึงทำให้สินเชื่อส่วนนี้ของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีก 1.5% โดยภาคที่มีการเติบโตของสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์สูงสุดในปีนี้ คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีอัตราการเติบโต  32.1%

"เราหวังว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ได้ประมาณ 9% ในปีนี้ และจะเติบโตเป็น 10%ในปี 2564" ฮิเดโตโมะ กล่าว

ทั้งนี้ แผนธุรกิจในปี 2564 ของซัมมิท แคปปิตอล ประกอบด้วย  

1. มุ่งสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนโดยโฟกัสกับการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวังและการควบคุมคุณภาพหนี้ตามแนวทางการปล่อยสินเชื่อด้วยความรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ควบคู่กับการร่วมช่วยเหลือสังคมและสนับสนุนอุตสาหกรรมสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อบุคคล
2. เดินหน้าสู่การเป็น 'องค์กรดิจิทัล' ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ (Digital Transformation) อย่างต่อเนื่องจากปีนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการ
3. รุกขยายตลาดในทุกภาคของไทย จากปัจจุบันที่มีสาขาทั้งหมด 37 แห่งทั่วประเทศ ด้วยแผนการเพิ่มสาขาทั่วประเทศอีก 3-6 สาขาในปีหน้า แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย
4. รุกขยายตลาดสินเชื่อบุคคล
5. รุกการตลาดเชิงความสัมพันธ์ เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบุคคลและดีลเลอร์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายกว่า 400 ราย  

ฮิเดโตโมะ กล่าวต่อไปว่า "เนื่องจาก ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง กำลังก้าวสู่ปีที่ 26 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทสินเชื่อรายย่อยในประเทศไทยที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ภายใต้แนวทาง “I TRUST” เพื่อประโยชน์ของลูกค้า พันธมิตร ดีลเลอร์ ผู้ถือหุ้น องค์กร และสังคมส่วนรวม และมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของสังคมไทย ด้วยการให้ความคล่องตัวทางการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรและบุคลากรทุกฝ่ายภายใต้แนวคิด Happy Workplace และค่านิยมหลัก "ไอ-ทรัสต์" (I TRUST) ซึ่งเกิดจากการช่วยกันคิดของพนักงาน และผู้บริหารในองค์กร ดังนั้น พนักงานทุกคนในองค์กรจึงเข้าใจดีว่า องค์กรจะดำเนินกิจการ หรือธุรกิจไปในทิศทางใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ธุรกิจกำลังเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ความเป็นหนึ่งเดียวกัน จะช่วยให้บริษัทและพนักงานผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากและอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันได้"

ค่านิยมหลัก 'I-TRUST' ประกอบด้วย I-integrity (ความซื่อสัตย์), T-transparency (ความโปร่งใส), R-responsibility (ความรับผิดชอบ), U-unity (ความเป็นหนึ่งเดียวกัน)  S-Service Excellence (การบริการที่ยอดเยี่ยม)  และ T-Technology & Innovation (เทคโนโลยีและนวัตกรรม)