เสริมแกร่งบุคลากรทางการแพทย์ ชุมชนกลุ่มเสี่ยง พร้อมรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่
12 Nov 2020

 

เครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพหนึ่งเดียวแห่งประเทศไทย (THOHUN) ร่วมกับ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดผนึกกำลังพันธมิตรแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เดินหน้ามาตรการเชิงรุกทุกมิติเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่หลังรัฐบาลเปิดประเทศเพื่อพยุงเศรษฐกิจร่วมดำเนินโครงการ “ส่งต่อความช่วยเหลือด้วยสถานการณ์ COVID-19 ให้กับโรงพยาบาลและชุมชนในกลุ่มเสี่ยง”โดยส่งมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หน้ากาก N95 และ Face shield ราว 5,000 ชุด พร้อมผลิตสื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ COVID-19 และสาธิตเพื่อป้องกันตนเองของบุคลากรทางแพทย์ในโรงพยาบาลระดับภูมิภาค และอาสาสมัครสาธารณสุข รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในชุมชนกลุ่มเสี่ยง

 

 

ผศ.ดร. แสงเดือน มูลสม ผู้ประสานงานเครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพหนึ่งเดียวแห่งประเทศไทย (THOHUN) กล่าวว่า

“สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทางสุขภาพและเศรษฐกิจเป็นวงกว้างทั่วโลก ประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จสูงในการควบคุม และรับมือกับโรค COVID-19 ในระลอกที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม. และ อสส.) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่กระจายอยู่ในกรุงเทพมหานครและชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศล้านคน บุคลากรทางแพทย์และอาสาสมัครเหล่านี้ ถือเป็นกำลังสำคัญด่านหน้า ที่ช่วยประเทศในการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังผู้ป่วยระดับชุมชนจนได้รับยกย่องจากองค์กรอนามัยโลกว่า ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพราะจิตอาสาในการเอาใจใส่สอดส่องดูแลคนในชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขเหล่านี้

จากการลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า อาสาสมัครสาธารณสุขเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากขาดความรู้ในการใช้ สวมใส่ และถอดทิ้งอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอย่างถูกต้องและครบถ้วน และยังขาดสื่อความรู้ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับบริบทการทำงานจริงในชุมชน นอกจากนี้อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อยังมีไม่เพียงพอสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทางการแพทย์ในโรงพยาบาลระดับภูมิภาคที่ให้การดูแลและรักษาผู้ป่วยโรค COVID-19 และเมื่อประเทศไทยจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้มีการหลั่งไหลของผู้มาเยือนจากต่างชาติไปยังชุมชนทั่วประเทศ จึงจำเป็นที่ทุกภาคควรมีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

ดังนั้น THOHUN และเครือข่ายพันธมิตรจึงได้จัดทำสื่อให้ความรู้เรื่องการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองของอาสาสมัครสาธารณสุขที่ง่ายและเหมาะสมกับบริบทการทำงานของอาสาสมัครเหล่านี้โดยจะเผยแพร่ไปทั่วประเทศเพื่อผู้ปฏิบัติงานหน้าด่านเหล่านี้ให้มีความพร้อมและปลอดภัยในการรับมือกับการระบาดระลอกต่อไปของ COVID-19”

 

ดร.นพ.นิรุตติ์ ประดับญาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“โควิด-19คือปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับวิถีชีวิตและสุขภาพอนามัยของมนุษยชาติรวมถึงเศรษฐกิจในระดับโลกซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวไปได้ ประเทศไทยนับว่า เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับโรคโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดระลอกสองที่มีแนวโน้มว่า จะเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไฟเซอร์ได้ใช้วิทยาศาสตร์ และทรัพยากรความรู้ที่มีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ไฟเซอร์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ ทั้งการร่วมพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และการมอบความช่วยเหลืออื่นๆ ที่ทำได้อย่างเต็มความสามารถโดยมั่นใจอย่างยิ่งว่าวิทยาศาสตร์จะสามารถเอาชนะวิกฤตในครั้งนี้ได้แน่นอน (‘Science Will Win’)

สำหรับมาตรการการช่วยเหลือในประเทศไทย ตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ระยะแรก มูลนิธิไฟเซอร์ ประเทศไทย ได้บริจาคชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลและหน้ากาก N95 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศผ่านโครงการของแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครั้งนี้ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดยังคงส่งต่อความช่วยเหลือร่วมกับแพทยสมาคมฯ โดยการมอบเงินสนับสนุนการจัดซื้อชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลและหน้ากาก N95 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์บริเวณชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่ในกลุ่มเสี่ยง และได้ร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพหนึ่งเดียวแห่งประเทศไทยและมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยในการพัฒนาสื่อการสอนเพื่ออบรมบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลท้องถิ่นให้สามารถรับมือการระบาดของโรคโควิด19 ระลอกสองที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภาแห่งประเทศไทยและผู้อำนวยการสำนักงานแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า

“การรับมือจากสถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าทำได้ในระดับที่ดีมากเป็นผลมาจากการช่วยเหลือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนรวมถึงกลุ่มแพทย์ในประเทศไทยมีความรู้ความสามารถ เรียกได้ว่าประเทศไทยสามารถเอาชนะโควิด-19 ได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็อย่าประมาทเพราะวัคซีนป้องกันโรคยังอยู่ระหว่างการดำเนินการค้นคว้าวิจัย ดังนั้นวัคซีนที่ดีที่สุดของบุคคลทั่วไปในตอนนี้คือ “การสวมหน้ากากอนามัย” และ “การเว้นระยะห่าง” ส่วนวัคซีนที่จะช่วยป้องกันชุมชนและประเทศให้พ้นจากวิกฤตนี้ คือการให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนปฏิบัติงานด่านหน้า ให้มีความพร้อม มีเกราะป้องกันที่ดี”

 

ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “นอกเหนือจากการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม อสม.ที่เป็นด่านหน้าของชุมชนแล้ว มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังได้เล็งเห็นความสำคัญของชนกลุ่มน้อยและ กลุ่มแรงงานอพยพที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ถูกจัดเป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคมที่ต้องเร่งได้รับการดูแลช่วยเหลือ และเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อได้ตลอดเวลา เนื่องจากขาดอุปกรณ์ป้องกัน อีกทั้งยังขาดสิทธิ์ในการดูแลรักษาพยาบาลเหมือนคนทั่วไป ดังนั้นหากติดเชื้อจึงย่อมมีโอกาสแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้โดยง่าย โดยในระยะที่ผ่านมาทางมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เตรียมถุงยังชีพที่บรรจุสิ่งของดำรงชีวิตที่จำเป็นและอุปกรณ์ป้องกัน นำไปมอบให้เพื่อบรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้า รวมทั้งวางแผนดำเนินการในระยะยาวเพื่อมอบความช่วยเหลืออื่นๆ ต่อไป”

 

 

สำหรับการดำเนินโครงการ “การส่งต่อความช่วยเหลือด้วยสถานการณ์ COVID-19ให้กับโรงพยาบาลและชุมชนในกลุ่มเสี่ยง” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง THOHUN บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นการส่งต่อความช่วยเหลือในทุกมิติ มิติองค์ความรู้ ได้แก่ จัดให้มีการอบรมและการผลิตสื่อให้ความรู้ในรูปแบบ วิดีโอคลิป (VDO Clip) แก่บุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

โดยเนื้อหาของสื่อนี้จะมีความสอดคล้องกับบริบทการปฏิบัติงานจริงของประเทศไทย ตั้งแต่การประเมินว่าตนเองมีความใกล้ชิดผู้ป่วยมากน้อยเพียงใดหรือมีความเสี่ยงระดับใด เพื่อให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองได้อย่างเหมาะสม รวมถึงแนวทางการปฏิบัติในการสวม-ใส่-ถอด-ทำลาย อุปกรณ์ป้องกันที่ถูกต้อง ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสสู่ชุมชน

โดยวิดีโอคลิปดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ thohun.org และเว็บไซต์ของเครือข่ายพันธมิตรและมิติอุปกรณ์ป้องกันโรคได้มีการจัดหาและส่งมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) หน้ากาก N95 และ Face shield จำนวน 5,000 ชุด ผ่านแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ สู่ 40 โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และชุมชนในกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ รวมถึง มิติความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้มีการจัดเตรียมถุงยังชีพที่บรรจุสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตและอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ มอบผ่านมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยฯ สู่ผู้ได้รับผลกระทบที่เป็นชนกลุ่มน้อยและกลุ่มแรงงานอพยพที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เริ่มต้น 4 ชุมชนได้แก่ ชุมชนตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ชุมชนบางขุนเทียน กรุงเทพฯ และชุมชนห่างไกลความเจริญในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง

 

 

สำหรับผู้ที่ต้องการชมสื่อการเรียนรู้ของโครงการ “ส่งต่อความช่วยเหลือด้วยสถานการณ์ COVID-19 ให้กับโรงพยาบาลและชุมชนในกลุ่มเสี่ยง”

สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ thohun.org และเฟซบุ๊กเพจ Thailand One Health University Network   

[อ่าน 1,752]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต้อนรับตรุษจีนปีมะเส็ง เต็มพื้นที่สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่
ไฮเซ่นส์ นำเสนอ “Innovation In-Style” ยกระดับคุณภาพชีวิตในปี 2568
ยูนิโคล่ เดินหน้ามอบฮีทเทค 1 ล้านชิ้นทั่วโลก ตามพันธกิจ “The Heart of LifeWear”
มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ฯ ส่งต่อโอกาสการเข้าถึงแหล่งโภชนาการในพื้นที่ห่างไกล
เคทีซี ประกาศผลประกอบการ 2567 กำไรต่อเนื่อง 7,437 ล้านบาท
ซัมซุง ส่งผลิตภัณฑ์ทีวีและเครื่องเสียง คว้า 6 รางวัล จาก Best of The Best TV Award โดย LCDTVTHAILAND
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved