ทำไม ‘ห้างโตคิว’ ถึงโบกมือลาเมืองไทย
08 Mar 2021

 

ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือนมี ‘ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น’ โบกมือลาเมืองไทยพร้อมกันถึง 2 แห่งนั้นคือ ‘ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน’ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์และล่าสุดกับ ‘ห้างสรรพสินค้าโตคิว’ สาขาศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ซึ่งปิดตัวไปเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

ปิดตำนานห้างญี่ปุ่นอายุ 35 ปีซึ่งอยู่คู่กันมาตั้งแต่วันแรกที่ ‘มาบุญครอง’ ซึ่งเป็นชื่อเก่า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เปิดตัวเลยทีเดียว

คำถามที่ตามมาคือ ทำไม 2 ห้างญี่ปุ่นถึงอยู่ไม่ได้ ?

 

 

โควิด-19 ฟางเส้นสุดท้าย

ปฎิเสธไม่ได้ว่า “สงครามศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า” ในบ้านเรามีการแข่งขันที่รุนแรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ 2 ยักศ์ใหญ่อย่าง ‘เซ็นทรัล’ และ ‘เดอะมอลล์’ ที่ต่างสาดไอเดียเพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามาเดิน

จริงอยู่ ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นมีความได้เปรียบได้แง่ของภาพลักษณ์ซึ่งคนไทยนั้นชื่นชอบแดนซามูไรอยู่เป็นทุนเดิม แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สินค้าญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องซื้อเฉพาะในอิเซตันหรือโตคิวอีกแล้ว แต่สามารถเดินไปบินไปซื้อถึงญี่ปุ่นได้เลย

ในขณะที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่ห้างญี่ปุ่นกลับไม่สามารถ ‘ปรับตัว’ ได้ทันต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ทำให้นานวันเข้า จากผลประกอบการที่ได้ ‘กำไร’ กลับพลิกกลับมา ‘ขาดทุน’

ยิ่งมาเกิดวิกฤตโควิด-19 ยิ่งทำให้ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง เพราะไม่เพียงแต่ขาดลูกค้าชาวต่างชาติเท่านั้น แต่กับลูกค้าคนไทยเอง กำลังซื้อที่ลดน้อยถอยลงไป จึงทำให้ตัวเลขขาดทุนที่แบกไว้อยู่แล้ว มีเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ยิ่งมีการประเมินว่า ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีกว่าสถานการณ์จะกลับมาเข้าที่เข้าทาง ‘การถอย’ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับห้างญี่ปุ่น ซึ่งประเมินแล้วว่ายิ่งอยู่ยิ่งเจ็บตัวเสียเปล่าๆ

 

5 ปีขาดทุนกว่า 600 ล้านบาท

สำหรับ ‘ห้างโตคิว’ นั้นจากการตรวจสอบข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ของ ‘บริษัท กรุงเทพ-โตคิว สรรพสินค้า จำกัด’ พบในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งรายได้ และกำไรต่างลดลงทุกปี

 

      

รวมๆ แล้ว 5 ปีขาดทุนกว่า 600 ล้านบาท จึงไม่ต้องแปลกใจหาก ‘โตคิว กรุ๊ป’ บริษัทแม่จะตัดสินใจโบกมือลาประเทศไทย เพราะนอกจากตัวเลขที่ขาดทุนแล้ว วันนี้ ‘ธุรกิจห้างสรรพสินค้า’ ยังไม่ใช่ธุรกิจหลักอีกต่อไปแล้ว เพราะขนาดในบ้านเกิดเองยังเหลืออยู่แบบนับนิ้วได้เลย

แต่ที่มากไปกว่านั้นการโบกมือลาในครั้งนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ ‘ห้างโตคิว’ ไม่ต้องการที่จะลงทุนเพิ่ม

จริงอยู่โตคิวอยู่กับ เอ็ม บี เค มาตั้งแต่วันแรกที่เปิดดำเนินการ แต่วันเวลาที่เปลี่ยนไปธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนตาม ห้างโตคิวก็เช่นกันเพราะในปีที่ผ่านมาซึ่งทั้งคู่เพิ่งต่อสัญญาออกไปอีก 9 ปี หนึ่งในข้อตกลงสำหรับฝั่งห้างโตคิว คือ การที่ต้องใส่เงินเข้าไปอีก ‘หลักร้อยล้าน’ เพื่อทำให้โตคิวสมกับความเป็นห้างญี่ปุ่น

ด้วย เอ็ม บี เค นั้น คาดหวังจะใช้ความเป็นญี่ปุ่นของโตคิวมาสร้าง ‘ความต่าง’ จากศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าที่เรียงรายอยู่ในย่านสยามและราชประสงค์ แต่หากมองเข้าไปในโตคิวจะพบว่า ‘ความเป็นญี่ปุ่น’ นั้น มีเพียงชั้น 4 ที่เป็นโซนซุปเปอร์มาเก็นเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์ เอ็ม บี เค  ที่ต้องการความเป็นญี่ปุ่นทั้งหมด

ดังนั้น การระบุให้โตคิวต้องเพิ่มทุนเพื่อเป็นการยกเครื่อง ทว่าเมื่อประเมินรายได้สถานการณ์ก็ยังทรุดตัว การใส่เม็ดเงินลงไปเพิ่มคงไม่ใช่เรื่องที่ดีในที่สุด การออกจากประเทศไทย จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับโตคิว

 

 

ใครจะเข้ามาแทนที่

คำถามที่ตามมาหลังห้างโตคิวโบมือลาคือ ใครจะเข้าไปอยู่แทนที่เพราะจากข้อมูลพบว่า บริษัท กรุงเทพ-โตคิว สรรพสินค้า จำกัด เป็นผู้เช่าพื้นที่ลำดับที่ 2 ในศูนย์การ ค้าเอ็ม บี เค ด้วยพื้นที่ 12,000.00 ตารางเมตร เป็นรองเพียง บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเช่าพื้นขนาด 14,954.68 ตารางเมตรเท่านั้นเอง

แต่คำถามก็ถูกเฉลยอย่างรวดเร็ว เพราะในเย็นวันที่ห้างโตคิวเปิดดำเนินการเป็นวันสุดท้ายนั้นเอง สมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนกลุ่มเล็กๆ ว่า พื้นที่ทั้งหมดมีเจ้าของหมดแล้ว

โดยชั้น 1 นั้นทางเครือสหพัฒน์ขอเหมาทั้งชั้น 3,000 ตารางเมตร เพื่อนำเสื้อผ้าแฟชั่นในเครือมาเปิด ขณะที่ชั้น 2 ตกเป็นของ ‘ดองดิ’ ซุปเปอร์มาเก็ตจากญี่ปุ่นที่เหมาะทั้งชั้นเช่นเดียวกัน โดยถูกระบุว่าจะเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นสาขาแรกที่อยู่ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสด้วย ส่วนชั้น 3 มีรายใหญ่ 2 รายที่ขอพื้นที่ และชั้นที่ 4 จะเป็นโซนไอที

โดยการรีโนเวททั้งหมดถูกวางกำหนดให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ของปี 2564 ซึ่งต้องจับตาต่อไปว่า เมื่อมี ‘ผู้เช่ารายใหม่’ เข้ามาแทนที่โตคิวแล้ว จะสร้างความ ‘ปัง’ ให้กับ ‘เอ็ม บี เค’ ได้หรือไม่ ?

[อ่าน 1,855]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ซีพี ออลล์” ร่วมรำลึกพระคุณครู เชิดชูครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง
Valentine’s Item! สมูทอีคอลแลปส์หลิง-ออม เปิดตัว “Smooth E x Ling-Orm Exclusive Valentine’s Box Set”
LPN มุ่งสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน เดินหน้าสร้าง Carbon Neutrality
SCG ร่วมกับสภาอุตฯ ชวนผู้ประกอบการสัมผัสนวัตกรรม Low Carbon และเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม 4.0
ไฮเออร์ ประเทศไทย ยิ้มรับปี 68 กวาดรายได้ปี 67 โต 11,000 ล้านบาท
เอ็ม ดิสทริค จับมือพันธมิตรสร้าง มอบอภิมหาโปรโมชั่น ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็งสุดยิ่งใหญ่
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved