Harkness แนวทางเรียนรู้นอกกรอบปูทักษะสู่ผู้นำในอนาคต
25 Mar 2021

เมื่อพูดถึงการเรียนการสอนในโรงเรียน ภาพที่เราคุ้นตาคือห้องเรียนที่มีนักเรียนพร้อมตำราเรียนตรงหน้า นั่งตัวตรงตาแป๋วฟังคุณครูพร่ำสอนบทเรียนอยู่หน้าชั้น บางครั้งครูจะเปิดโอกาสให้ซักถาม และบางโอกาสนักเรียนจะได้ออกไปนำเสนอรายงานหรือสิ่งที่ได้ไปค้นคว้าศึกษามาให้เพื่อนร่วมชั้นได้ฟัง กล่าวได้ว่านี่คือวิธีการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมายาวนาน เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน ตามแนวทางการเรียนการสอนที่เน้นทักษะ ความรู้ และสามารถของผู้เป็นครู เพื่อถ่ายทอดความรู้เป็นหลัก ซึ่งหากบวกกับปัจจัยทางวัฒนธรรม ที่ผู้น้อยมักจะเป็นผู้รับฟัง อาจมีการซักถามแต่ไม่โต้แย้ง  ความรู้ที่ถ่ายทอดมาจึงเป็นแบบเบ็ดเสร็จ กระบวนการเรียนรู้จึงมักจะจบลงที่การถ่ายทอดของครู

 

แต่นอกจากการได้รับข้อมูลและความรู้ต่าง ๆ แล้ว การเรียนที่ได้ประสิทธิผลย่อมมาพร้อมกับทักษะการคิดวิเคราะห์ ต่อยอดออกไปจากสิ่งที่ได้เรียนมา และขยายขอบเขตของการเรียนรู้ออกไปให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ซึ่งทักษะนี้มักไม่ค่อยได้รับการปลูกฝังและพัฒนาในขณะที่เด็กยังมีอายุน้อย และมักเป็นสิ่งที่เด็กต้องขวนขวายใฝ่หาเอาเองเมื่อเข้าสู่การศึกษาระดับสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งเมื่อเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าช้าไปเสียแล้ว

 

 

ปัจจุบันบางโรงเรียนที่มีแนวความคิดเรื่องการจัดการเรียนการสอนที่ล้ำหน้า จึงเริ่มมีการนำวิธีการเรียนรู้ที่เรียกว่า ฮาร์คเนส (Harkness) มาใช้เสริมการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เน้นไปที่การสร้างเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวผู้เรียนเอง โดยนักเรียนแต่ละคนเป็นผู้เตรียมเนื้อหา และนำสิ่งที่ค้นคว้ามาร่วมกันอภิปราย วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลตามหัวข้อที่กำหนดขึ้นอย่างอิสระ โดยมีครูมีหน้าที่เพียงกำกับดูแลและมีส่วนร่วมในการอภิปรายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ที่มีนักเรียนเป็นหัวใจหลักที่กำหนดทิศทาง ฝึกทักษะการฟัง คิดวิเคราะห์ การโต้แย้งอย่างมีเหตุผล และการต่อยอดความคิดไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งเป็นบรรยากาศและผลลัพธ์ที่มักหาไม่ได้จากห้องเรียนปกติ

 

วิธีการเรียนรู้แบบ Harkness คืออะไร

ที่จริงแล้ว Harkness เป็นแนวทางการเรียนรู้ที่มีมานานกว่าร้อยปีแล้ว ฮาร์คเนสได้รับการพัฒนาขึ้นที่ฟิลลิปส์ เอ็กซีเตอร์ อะคาเดมี   (Phillips Exeter Academy)  โรงเรียนมัธยมเอกชนชั้นนำที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิธีการสอนที่เรียกว่า “การตั้งคำถามแบบโสกราตีส (Socratic questioning)” ซึ่งเป็นวิธีการสอนในห้องเรียนที่ครูจะถามคำถามปลายเปิดที่ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์และการใช้เหตุผลเชิงลึกเพื่อให้นักเรียนได้คิดและฝึกตอบคำถาม ความแตกต่างของสองวิธีการนี้คือ วิธีตั้งคำถามแบบโสกราตีสมีครูผู้สอนควบคุมและกำหนดทิศทางตลอดการสนทนา ในขณะที่ Harkness ให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางที่แท้จริง  (Student-Led Conversation)

 

Harkness เป็นวิธีการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง ที่ให้นักเรียนซึ่งนั่งอยู่รอบโต๊ะวงรี ได้อภิปรายความรู้ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม การเปิดใจกว้าง โดยที่มีการแทรกแซงของครูเป็นครั้งคราวหรือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น   โดยจุดประสงค์ของ Harkness คือการส่งเสริมให้นักเรียนได้รู้จักวิธีการตั้งคำถาม การให้คำตอบ และการประเมินความคิด ทั้งนี้ การจะทำให้ Harkness นั้นบรรลุเป้าหมายได้นั้น นักเรียนต้องได้ทำการศึกษาด้วยตนเองมาก่อน  และครูจะเข้าแทรกแซงการอภิปรายแลกเปลี่ยนของเด็กๆ ให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ (หรือไม่แทรกแซงใดๆ) โดยครูทำหน้าที่เพียงดูแลกระบวนการในการอภิปรายของเด็กเพื่อให้เป็นไปโดยสร้างสรรค์เท่านั้น

 

มร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ครูใหญ่ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่นำวิธีการ Harkness มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เล่าถึงแนวทางการเรียนรู้แบบนี้ว่า Harkness เป็นการนำวิธีการเชิงวิทยาศาสตร์มาใช้กับการคิดวิเคราะห์และหาเหตุผล โดยให้เด็กได้พิจารณาหลักฐานที่ปราศจากอคติใดๆ ร่วมกัน และหาข้อสรุปที่มีเหตุผลจากหลักฐานที่มีอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่การตัดสินจากความเห็นอื่น ๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นจึงนำข้อสรุปที่ได้มาอภิปรายกัน การที่นักเรียนได้เรียนรู้จากการกำหนดทิศทางเอง ได้นำเสนอแนวความคิดและข้อสรุปที่มาจากตัวเด็กเอง เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ ในการทำความเข้าใจบทเรียนอย่างลึกซึ้ง

 

 

"ห้องเรียนสำหรับคลาส Harkness นั้น จะมีโต๊ะรูปวงรีขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง นักเรียนกลุ่มเล็กราว 8- 12 คนจะนั่งรอบโต๊ะโดยไม่มีใครนั่งอยู่ในตำแหน่ง “ประธาน” ที่หัวโต๊ะหรือมีจัดลำดับของการสนทนา ทุกอย่างลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นการแลกเปลี่ยนความคิด การเรียนแบบนี้ไม่ใช่นักเรียนที่เสียงดังที่สุดหรือเป็นนักพูดที่เก่งที่สุดได้คะแนนโดดเด่น แต่เป็นนักเรียนที่เตรียมความพร้อมมาอย่างดี และสามารถสื่อสารถ่ายทอดความคิดออกมาได้อย่างมั่นใจและมีเหตุผล”

 

การเรียนรู้แบบ Harkness สามารถเริ่มได้ตั้งแต่เด็กยังอายุน้อย  อย่างเช่นที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ เริ่มให้นักเรียนได้เข้าสู่กระบวนการเรียนนี้ตั้งแต่ year 5 เป็นต้นไป และเห็นได้ว่าเด็กพัฒนาและเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้ในชั้นสูงขึ้นต่อไปของเด็ก  และโรงเรียนเวลลิงตันคอลเลจ ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้นี้มาก โดยมีการจัดทำห้องสำหรับคลาส Harkness ไว้เป็นพิเศษในแต่ละอาคารเรียน

 

 

Harkness สำคัญสำหรับผู้นำในอนาคตอย่างไร

Harkness ช่วยปลูกฝังประสบการณ์และทักษะในด้าน Critical Thinking หรือ การคิดเชิงวิพากษ์ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญสำหรับความคิดและการตัดสินใจ ซึ่งผู้บริหารที่ดีนั้น สามารถมองสิ่งต่างๆรอบด้านและเข้าใจถึงผลกระทบของการตัดสินใจต่อธุรกิจ และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการตัดสินใจใดๆ นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรตลอดถึงภาระรับผิดชอบต่อผลลัพธ์จากการตัดสินใจนั้นๆ

 

ผู้ใหญ่วัยทำงานโดยเฉพาะในยุคที่ต้องใช้ทักษะแห่งอนาคตต่างเข้าใจดีว่าการประชุมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และการอธิบายเหตุผลมากขนาดไหน ความสำเร็จและความล้มเหลวมีเพียงเส้นบาง ๆ ของความสามารถในการแสดงเหตุผลและจุดยืน Harkness ไม่ใช่วิธีเรียนรู้ที่เน้นการโต้เถียง แต่คือการดึงเอาทักษะของการเตรียมข้อมูล ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอย่างทั่วถึงและรอบด้าน และพัฒนาวิธีการโต้งแย้งและแสดงเหตุผล นักเรียนที่ผ่านการเรียนรู้แบบ Harkness จึงเป็นเยาวชนที่ใฝ่รู้ มีทักษะการคิดวิเคราะห์และมีความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงสามารถถ่ายทอดความคิดออกมาได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

[อ่าน 1,422]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Valentine’s Item! สมูทอีคอลแลปส์หลิง-ออม เปิดตัว “Smooth E x Ling-Orm Exclusive Valentine’s Box Set”
LPN มุ่งสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน เดินหน้าสร้าง Carbon Neutrality
SCG ร่วมกับสภาอุตฯ ชวนผู้ประกอบการสัมผัสนวัตกรรม Low Carbon และเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม 4.0
ไฮเออร์ ประเทศไทย ยิ้มรับปี 68 กวาดรายได้ปี 67 โต 11,000 ล้านบาท
เอ็ม ดิสทริค จับมือพันธมิตรสร้าง มอบอภิมหาโปรโมชั่น ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็งสุดยิ่งใหญ่
ORI โชว์พอร์ต Joint Venture พาร์ทเนอร์แกร่ง ตอกย้ำกว่า 7 ปี - 119 โครงการ - 1.86 แสนล้านบาท
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved