แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร และด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างศูนย์ค้าส่งครบวงจร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและร่วมสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค โดยเริ่มจากการเปิดศูนย์ค้าส่งใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค "AEC TRADE CENTER - PANTIP WHOLESALE DESTINATION" ในปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดรุกตลาดต่อเนื่อง ตอกย้ำแนวคิด “BEYOND EXHIBITION” เหนือกว่าการจัดแสดงสินค้าทั่วไป ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ อัดแน่นด้วยสิทธิประโยชน์และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ร่วมสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการค้าส่ง เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ประเดิมธีมแรกด้วยกลุ่มธุรกิจอาหารกับกิจกรรม “FOOD DESTINATION CENTER” ที่รวบรวมพันธมิตรผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารไว้มากที่สุด เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2564 นี้ พร้อมชวนผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าสัมผัสมิติใหม่ของศูนย์ค้าส่งแบบครบวงจร ที่เหนือกว่าด้วยข้อได้เปรียบและฟังก์ชั่นพิเศษ OMNI CHANNEL ที่ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดตอบโจทย์ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ได้รับเกียรติจากพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำ อาทิ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์, เคซีจี คอร์ปอเรชั่น, อิตาเลเซียเทรดดิ้ง, อายิโน๊ะ ทาการะ, LINEMAN Wongnai ฯลฯ ให้เกียรติมาร่วมงานแถลงข่าวเตรียมเปิดงาน BEYOND EXHIBITION – FOOD DESTINATION CENTER ที่รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี นับเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอาหารในภาพรวม และผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งของภูมิภาค”
โครงการ AEC TRADE CENTER เป็นแนวคิดของ AWC ในการพัฒนาศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยและเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง บริษัทฯ จึงได้พัฒนาโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ด้าน การค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค หนึ่งเดียวใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายในที่เดียว โดยมีจุดเด่น สะดวกที่สุด ครบที่สุด ราคาดีที่สุด และเชื่อมโยงกับตลาดจีนได้โดยตรง ผ่านผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู ประเทศจีน นับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของโลกอนาคตแห่งการค้าขายพาผู้ประกอบการไทยก้าวข้ามทุกข้อจำกัดด้านการค้าในยุคเดิมๆ สู่การทำธุรกิจยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด นับเป็นการติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงท่ามกลางการแข่งขันในเวทีการค้าโลก
BEYOND EXHIBITION เป็นแนวคิดที่มากกว่าการจัดแสดงสินค้าทั่วไป ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจค้าส่งอย่างครบครัน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะเจรจาธุรกิจได้ตลอด ด้วยช่องทางการค้าในรูปแบบ OMNI CHANNEL ด้วยแอปพิเคชั่น PhenixBox ที่เชื่อมการซื้อขายทั้ง Online และ Offline ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอเฉพาะช่วงของการจัดแสดงสินค้าประจำปี เพื่อเป็นช่องทางรูปแบบใหม่ที่ลดต้นทุนให้ผู้ขาย เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อสินค้าในราคาต้นทาง นับเป็นการสร้างเครือข่ายผู้ซื้อและผู้ขายที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน พร้อมรูปแบบการขายที่ต้นทุนต่ำที่สุด รวมทั้งบริการแบบครบวงจร ด้วยศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการ (SOLUTION SERVICE CENTER: SSC) ที่คอยให้บริการช่วยเหลือทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่ต้องการขายสินค้าผ่านออนไลน์ ในรูปแบบ OMNI CHANNEL ผ่านแพลตฟอร์ม ‘PhenixBox’ จะช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลกได้ง่ายกว่าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในรูปแบบ O2O (Online-To-Offline) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน สามารถติดต่อและนำเสนอขายกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบครบวงจรและปิดการขายได้ครบในที่เดียว”
ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า “จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้คนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป นั่นคือการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และการลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังความเชี่ยวชาญ และข้อมูลด้านการค้าของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนไว้ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการค้า เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการไทยและเกษตรกรไทยในตลาดโลก อีกทั้งยังช่วยยกระดับสินค้ากลุ่มเกษตรกรรมของไทยให้มีความเป็นสากลพร้อมต่อการแข่งขันที่ท้าทายในตลาดโลก และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุค New Normal อีกด้วย”
AWC ได้วางแผนจัดงาน FOOD DESTINATION CENTER เพื่อต่อยอดแนวคิด BEYOND EXHIBITION ในระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ถึง วันที่ 31 สิงหาคม 2564 สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี เพื่อเปิดประสบการณ์แบบครบวงจรอย่าง ไม่มีที่สิ้นสุดให้กับพันธมิตรผู้ประกอบการชั้นนำในกลุ่มธุรกิจอาหารเพื่อการค้าส่งตั้งแต่ต้นน้ำไว้มากที่สุด เพื่อช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นการสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย กระจายสินค้า มิติใหม่ของศูนย์ค้าส่งด้านธุรกิจอาหารครบวงจรที่สะดวกที่สุด ครบที่สุด ราคาดีที่สุด โดยตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 พันธมิตรผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจอาหารได้เริ่มมาผนึกกำลังที่ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION และขอเชิญชวนกลุ่มผู้ประกอบการมาร่วมรวมพลังเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน ภายใต้รูปแบบกิจกรรม “FOOD CHAPTER SUMMER FEST” ที่จัดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2564 เพื่อปูทางไปสู่กิจกรรม “FOOD DESTINATION CENTER” ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 4 มิถุนายน 2564
ทั้งนี้ AWC ขอเชิญชวนพันธมิตรคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารมาร่วมเปิดประสบการณ์ในงาน “BEYOND EXHIBITION - FOOD DESTINATION CENTER” โดยล่าสุดมีผู้ประกอบการชั้นนำได้ตอบรับเข้าร่วมงานดังกล่าวแล้ว อาทิ จาโกต้า ดิชแฮมส์ ข้าวหงษ์ทอง อิตาเลเซีย เป็นต้น เราเชื่อว่าภายหลังที่มีการเปิดประเทศ AEC TRADE CENTER - PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะช่วยพาผู้ประกอบการไทยก้าวข้ามทุกข้อจำกัดด้านการค้าในยุคเดิมๆ สู่การทำธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด นับเป็นการติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ร่วมผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งที่สนใจร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรด้านธุรกิจอาหารภายในงาน “BEYOND EXHIBITION - FOOD DESTINATION CENTER”
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายขาย โทร. 061 416 6790, 065 950 5986