KBTG เปิดแผนดันเคแบงก์ สู่ธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค
08 Apr 2021

KBTG เดินหน้าเสริมความแข่งแกร่งให้แคแบงก์สู่ธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค สร้างทีมนักพัฒนาในจีน เวียดนาม พร้อมลุยโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี และยกระดับการทำงานทีมนักพัฒนาในไทย ประกาศรับใหม่ปีนี้เพิ่มเป็น 1,900 คน พร้อมส่งบริษัทใหม่ลุย DeFi กรุยทางสู่โลกการเงินแบบกระจายศูนย์กลาง

 

'จุดหักศอก' ของเทคโนโลยี

เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด หรือ KBTG เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีว่า

"การเปลี่ยนแปลงนับจากนี้จะเข้าสู่ 'จุดหักศอก' เป็น 2 ระยะ ช่วงละ 3 - 4  ปีนับจากนี้ คือ ในปี 2567 - ปี 2568  ซึ่งเทคโนโลยีจะเทคออฟเร็วขึ้นๆ  และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วที่สุดในช่วงปี 2571 - ปี 2572 นอกจากนี้ ยังมีโควิดเข้ามาเป็นปัจจัยเร่งที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลง (Disruption) เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ทุกคนคาดไว้ จากการเปลี่ยนแปลง 2 ปีเหลือแค่ 2 เดือน แต่ก่อนที่เคยกล่าวไว้ว่าจะเกิด Disruption Domino คือ จะเกิด Disruption ในอุตสาหกรรมหนึ่งแล้วส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เป็นโดมิโน แต่นับจากนี้ ทุกอุตสาหกรรมจะเกิด Disruption พร้อมๆ กันและเกิดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น องค์กรที่จะอยู่รอดได้จึงต้องปรับตัวให้ทัน" 

 

CeFi - DeFi ยังต้องเดินคู่กัน

 ทั้งนี้ เรืองโรจน์กล่าวถึงการปรับตัวของธนาคารกสิกรไทย และ KBTG ที่จะต้องทรานสฟอร์มองค์กรและปรับยุทธศาสตร์องค์กรทั้งหมดว่า "เราได้เร่งทรานสฟอร์มองค์กรเฟสสองขึ้นมา เนื่องจากเราต้องการที่จะเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Full Digital Banking) ซึ่งเราจะพูดกันในแง่ของ Digital Banking As A Service ซึ่งทิศทางที่เราจะไปนั่นคือ DeFi (Decentralized Finance : แนวคิดทางการเงินแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาทำหน้าที่บันทึกและดำเนินธุรกรรมแทนตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน, ธนาคาร หรือศูนย์รับแลกเปลี่ยนต่างๆ ซึ่งจุดแข็งของ DeFi คือ การบันทึกและดำเนินธุรกรรมอัตโนมัติ สามารถบันทึกได้ทันทีที่มีการตกลงและมีความเสี่ยงต่อการโดนโจมตีและบิดเบือนข้อมูลในระบบที่ต่ำกว่า)

 อย่างไรก็ตาม CeFi (Centralized Finance : ระบบการเงินแบบรวมศูนย์ที่มีสถาบันการเงิน, ธนาคารเป็นตัวกลางเพื่อดำเนินการทางการเงิน) ที่อ่อนแอก็จะถูก Disrupt ไป แต่กระนั้น CeFi กับ DeFi ก็ยังต้องเดินคู่กัน"

 

 

Re-Positioning & Transformation        

"วิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ไม่เปลี่ยน เรายังต้องการเป็นธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค เพียงแต่ตอนนี้เราต้องปรับตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ใหม่           (Re-Positioning) ทางด้าน DeFi ด้วยการเดินหน้าทรานสฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ

 

   1) ช่วงปี 2562-2563 เป็นการทรานสฟอร์มเฟสแรก

   เริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนในระดับโครงสร้างพื้นฐาน   (Fundamental) องค์กร ดังนี้

  • การใช้ทุนมนุษย์เป็น 'ตัวตั้ง' เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการทำความเข้าใจถึงความต้องการของพนักงานในเชิงลึก โดยใช้พนักงานเป็นศูนย์กลาง เพื่อฟังปัญหา, ความต้องการของพนักงาน และทำให้พนักงานใน KBTG ที่มี 6 องค์กรให้เป็น ONE KBTG พร้อมกับสร้างวัฒนธรรม One Step Ahead Forever ซึ่งวัฒนธรรมนี้ส่งผลให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 กันมาได้
  • การพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีให้ทันสมัย (Technology Modernization) ทั้งด้านข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน และแอปพลิเคชันบริการต่างๆ ที่มีกว่า 400 รายการ ต่อมาในปี 2563 ได้เกิด Innovation Runway ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่องค์กรใช้สร้างนวัตกรรมบริการด้วยการทำงานแบบ Agile และสร้างความพร้อมของทีมงานที่จะทำงานได้จากทุกที่

"เนื่องจากการทำงานแบบ Agile จะต้องทำงานกันอย่างคล่องตัว ต้องมีการทำงานข้ามแผนกและมีการทำงานแบบ End-to-End มากขึ้น การทำงานถ้าไม่ใช้คนเป็นตัวตั้งและไม่ปรับโครงสร้างองค์กร การทำงานแบบ End-to-End จะเกิดขึ้นไมได้ นอกจากนี้ ก็ต้องยะระดับความสามารถของพนักงาน แต่เมื่อโควิด-19 เข้ามา เราก็ต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่เฟส 2"

2) ช่วงปี 2564-2566 การทรานสฟอร์มเฟสสองเป็นการปรับเปลี่ยน KBTG ให้เป็นองค์กรที่สามารถขับเคลื่อนการทำงานแบบอัตโนมัติในองค์รวม (Holistic Automation) ดังนี้

  • ในปี 2564 KBTG ได้ตั้งแผนก DevX  ซึ่งเป็นแผนกที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ทำงานที่ดีให้แก่นักพัฒนา มีซอฟท์แวร์รองรับการทำงานของนักพัฒนา ช่วยในขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัย, การรีวิวโค้ด, มีระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยทดสอบ แล้วโหลดขึ้นคลาวด์ได้คล่องตัวขึ้น นอกจากนี้ จากการสร้างแพลตฟอร์ม Innovation Runway และความพร้อมด้านบุคลากร Data Scientist พร้อมทั้งฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ KBTG จะพัฒนาสู่การเป็น AI Factory ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาโมเดลได้เร็วขึ้นถึง 12 เท่าจึงสามารถผลิตงานได้ทันความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • โครงการ Tech Campus ซึ่ง KBTG ร่วมมือกับ 7  สถาบันทำการวิจัยร่วมกันกับสถาบันเหล่านี้เพื่อออกเป็น Deep Tech Innovation ที่จะได้เห็นตลอดทั้งปี

 

แปลง 'สินทรัพย์ดิจิทัล' สู่โลกความเป็นจริง

 "เทรนด์เทคโนโลยีที่ KBTG ได้เริ่มเข้าไปสำรวจและเตรียมความพร้อมแล้วคือ ระบบการเงินแบบ DeFi โดย KBTG ได้จัดตั้ง Kubix บริษัทในกลุ่ม KBTG เข้าไปนำร่องการทำ DeFi ด้วยการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สร้าง ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการระดมทุน หรือลงทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งการระดมทุนจะดำเนินการโดยการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบ 'โทเคนดิจิทัล' (Digital Token) แล้วระดมทุนผ่าน ICO (Initial Coin Offering) โดยมี ICO Portal เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่นักลงทุนในตลาดแรก นับเป็นการ Decentralize Finance แบบที่มีสินทรัพย์รองรับ ซึ่งมีความหมายต่อภาคเศรษฐกิจจริงเป็นทางเลือกให้แก่ธุรกิจในการระดมทุน และเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน สร้างการเข้าถึงทางการเงิน (Financial Inclusion)

ทั้งนี้ KBTG เชื่อว่า การเงินที่มีศูนย์กลางโดยสถาบันการเงิน หรือ CeFi และการเงินที่กระจายศูนย์กลาง หรือ DeFi จะสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยผู้ให้บริการที่มีความพร้อมที่สุด"

 

สู่ระดับภูมิภาค

"สำหรับการทรานสฟอร์มสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยนีระดับภูมิภาค KBTG ต้องการรับสมัครพนักงานอีก 300 คน จากพนักงานที่มีอยู่เดิม 1,500 คนเป็น 1,800 คน ไม่นับรวมที่จีนที่ซึ่งจะรับพนักงานด้านเทคโนโลยีเพิ่มอีก 80 คนเพื่อเข้าทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีนภายใต้ชื่อ K Tech "ส่วนที่เวียดนาม ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจสาขานั้น ทาง KBTG ก็เดินหน้าจัดหาพนักงานด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพกว่า 100 คนเข้ามาร่วมงาน โดยจะต้องจัดทีมที่เวียดนามภายในไตรมาส 3/64 พร้อมขับเคลื่อนเพื่อการแสวงหาเทคโนโลยีและการพัฒนาบริการดิจิทัลแบงกิ้งสำหรับธนาคารกสิกรไทยในการเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลแบงกิ้งระดับภูมิภาค          

ทั้งนี้ KBTG ตั้งเป้าที่จะเป็น บริษัทเทคโนโลยีแห่งภูมิภาคเต็มรูปแบบ ภายในปี 2566 พร้อมรองรับธนาคารกสิกรไทยที่จะขยายสู่ภูมิภาคด้วยแนวทาง Asset Light และไปแบบ Digital First ด้วยความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน} ศักยภาพบุคลากร,การรีสกิล, ทักษะด้านภาษา และวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายปี 2564 จะมีพนักงาน KBTG ทั่วภูมิภาคเพิ่มจาก 1,500 คน เป็น 1,900 คน

 

 

 

 

 

 

 

[อ่าน 1,712]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“LYO X PASULOL” รุกขยายฐานผู้บริโภค เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
แฟนๆ ปีเตอร์ ชไมเคิล รวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ เครื่องดื่มคาราบาวพาตำนานผู้รักษาประตูพบปะแฟนๆ
2 ปรมาจารย์ด้านมูร์ เปิดความหมายไอเทมเสริมดวงสุดมงคล “ซีเจ มูร์ ช้อปโอมเพี้ยง ดวงเปรี้ยงรับปีใหม่”
ตอกย้ำความเชื่อมั่นในภูเก็ต แสนสิริลุยเปิดตัว “เดอะ เบส เชิงทะเล”
ปีมะเส็งเฮงมาหา 24 ม.ค. – 2 ก.พ.นี้ ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา
เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ POCO X7 Series ประสิทธิภาพเหนือระดับ ดีไซน์สวยสะดุดตา
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved