KBTG เดินหน้าเสริมความแข่งแกร่งให้แคแบงก์สู่ธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค สร้างทีมนักพัฒนาในจีน เวียดนาม พร้อมลุยโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี และยกระดับการทำงานทีมนักพัฒนาในไทย ประกาศรับใหม่ปีนี้เพิ่มเป็น 1,900 คน พร้อมส่งบริษัทใหม่ลุย DeFi กรุยทางสู่โลกการเงินแบบกระจายศูนย์กลาง
เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด หรือ KBTG เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีว่า
"การเปลี่ยนแปลงนับจากนี้จะเข้าสู่ 'จุดหักศอก' เป็น 2 ระยะ ช่วงละ 3 - 4 ปีนับจากนี้ คือ ในปี 2567 - ปี 2568 ซึ่งเทคโนโลยีจะเทคออฟเร็วขึ้นๆ และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วที่สุดในช่วงปี 2571 - ปี 2572 นอกจากนี้ ยังมีโควิดเข้ามาเป็นปัจจัยเร่งที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลง (Disruption) เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ทุกคนคาดไว้ จากการเปลี่ยนแปลง 2 ปีเหลือแค่ 2 เดือน แต่ก่อนที่เคยกล่าวไว้ว่าจะเกิด Disruption Domino คือ จะเกิด Disruption ในอุตสาหกรรมหนึ่งแล้วส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เป็นโดมิโน แต่นับจากนี้ ทุกอุตสาหกรรมจะเกิด Disruption พร้อมๆ กันและเกิดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น องค์กรที่จะอยู่รอดได้จึงต้องปรับตัวให้ทัน"
ทั้งนี้ เรืองโรจน์กล่าวถึงการปรับตัวของธนาคารกสิกรไทย และ KBTG ที่จะต้องทรานสฟอร์มองค์กรและปรับยุทธศาสตร์องค์กรทั้งหมดว่า "เราได้เร่งทรานสฟอร์มองค์กรเฟสสองขึ้นมา เนื่องจากเราต้องการที่จะเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Full Digital Banking) ซึ่งเราจะพูดกันในแง่ของ Digital Banking As A Service ซึ่งทิศทางที่เราจะไปนั่นคือ DeFi (Decentralized Finance : แนวคิดทางการเงินแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาทำหน้าที่บันทึกและดำเนินธุรกรรมแทนตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน, ธนาคาร หรือศูนย์รับแลกเปลี่ยนต่างๆ ซึ่งจุดแข็งของ DeFi คือ การบันทึกและดำเนินธุรกรรมอัตโนมัติ สามารถบันทึกได้ทันทีที่มีการตกลงและมีความเสี่ยงต่อการโดนโจมตีและบิดเบือนข้อมูลในระบบที่ต่ำกว่า)
อย่างไรก็ตาม CeFi (Centralized Finance : ระบบการเงินแบบรวมศูนย์ที่มีสถาบันการเงิน, ธนาคารเป็นตัวกลางเพื่อดำเนินการทางการเงิน) ที่อ่อนแอก็จะถูก Disrupt ไป แต่กระนั้น CeFi กับ DeFi ก็ยังต้องเดินคู่กัน"
"วิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ไม่เปลี่ยน เรายังต้องการเป็นธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค เพียงแต่ตอนนี้เราต้องปรับตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ใหม่ (Re-Positioning) ทางด้าน DeFi ด้วยการเดินหน้าทรานสฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ
1) ช่วงปี 2562-2563 เป็นการทรานสฟอร์มเฟสแรก
เริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนในระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Fundamental) องค์กร ดังนี้
"เนื่องจากการทำงานแบบ Agile จะต้องทำงานกันอย่างคล่องตัว ต้องมีการทำงานข้ามแผนกและมีการทำงานแบบ End-to-End มากขึ้น การทำงานถ้าไม่ใช้คนเป็นตัวตั้งและไม่ปรับโครงสร้างองค์กร การทำงานแบบ End-to-End จะเกิดขึ้นไมได้ นอกจากนี้ ก็ต้องยะระดับความสามารถของพนักงาน แต่เมื่อโควิด-19 เข้ามา เราก็ต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่เฟส 2"
2) ช่วงปี 2564-2566 การทรานสฟอร์มเฟสสองเป็นการปรับเปลี่ยน KBTG ให้เป็นองค์กรที่สามารถขับเคลื่อนการทำงานแบบอัตโนมัติในองค์รวม (Holistic Automation) ดังนี้
"เทรนด์เทคโนโลยีที่ KBTG ได้เริ่มเข้าไปสำรวจและเตรียมความพร้อมแล้วคือ ระบบการเงินแบบ DeFi โดย KBTG ได้จัดตั้ง Kubix บริษัทในกลุ่ม KBTG เข้าไปนำร่องการทำ DeFi ด้วยการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สร้าง ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการระดมทุน หรือลงทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งการระดมทุนจะดำเนินการโดยการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบ 'โทเคนดิจิทัล' (Digital Token) แล้วระดมทุนผ่าน ICO (Initial Coin Offering) โดยมี ICO Portal เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่นักลงทุนในตลาดแรก นับเป็นการ Decentralize Finance แบบที่มีสินทรัพย์รองรับ ซึ่งมีความหมายต่อภาคเศรษฐกิจจริงเป็นทางเลือกให้แก่ธุรกิจในการระดมทุน และเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน สร้างการเข้าถึงทางการเงิน (Financial Inclusion)
ทั้งนี้ KBTG เชื่อว่า การเงินที่มีศูนย์กลางโดยสถาบันการเงิน หรือ CeFi และการเงินที่กระจายศูนย์กลาง หรือ DeFi จะสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยผู้ให้บริการที่มีความพร้อมที่สุด"
"สำหรับการทรานสฟอร์มสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยนีระดับภูมิภาค KBTG ต้องการรับสมัครพนักงานอีก 300 คน จากพนักงานที่มีอยู่เดิม 1,500 คนเป็น 1,800 คน ไม่นับรวมที่จีนที่ซึ่งจะรับพนักงานด้านเทคโนโลยีเพิ่มอีก 80 คนเพื่อเข้าทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีนภายใต้ชื่อ K Tech "ส่วนที่เวียดนาม ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจสาขานั้น ทาง KBTG ก็เดินหน้าจัดหาพนักงานด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพกว่า 100 คนเข้ามาร่วมงาน โดยจะต้องจัดทีมที่เวียดนามภายในไตรมาส 3/64 พร้อมขับเคลื่อนเพื่อการแสวงหาเทคโนโลยีและการพัฒนาบริการดิจิทัลแบงกิ้งสำหรับธนาคารกสิกรไทยในการเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลแบงกิ้งระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ KBTG ตั้งเป้าที่จะเป็น บริษัทเทคโนโลยีแห่งภูมิภาคเต็มรูปแบบ ภายในปี 2566 พร้อมรองรับธนาคารกสิกรไทยที่จะขยายสู่ภูมิภาคด้วยแนวทาง Asset Light และไปแบบ Digital First ด้วยความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน} ศักยภาพบุคลากร,การรีสกิล, ทักษะด้านภาษา และวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายปี 2564 จะมีพนักงาน KBTG ทั่วภูมิภาคเพิ่มจาก 1,500 คน เป็น 1,900 คน