ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานถึง 127 ปีของ อลิอันซ์ (Allianz) ผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำระดับโลกที่มีธุรกิจครอบคลุม ประกันอสังหาริมทรัพย์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพที่หลากหลายสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้ากลุ่มบริษัทนั้นขับเคลื่อนกันมาตามยุคสมัยจวบจนวันนี้ได้อย่างไร ความท้าทายในช่วงขวบปีที่ผ่านมาและในอนาคตที่จะถึง อลิอันซ์ ทำให้แบรนด์ธุรกิจของตนเองสืบทอดความเป็นตำนานได้อย่างไร
ในขวบปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีที่ท้าทายของ อลิอันซ์ อยุธยา ผู้ดำเนินธุรกิจ อลิอันซ์ ในประเทศไทย
ไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดใจถึงความท้าทายที่ผ่านมาว่า “บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย แต่ด้วยยุทธศาสตร์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการ การออกแบบช่องทางการขาย การสื่อสารกับลูกค้า จึงทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในปี 2016 ได้มากมาย ได้แก่ คะแนนความพึงพอใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์จนอยากแนะนำต่อ หรือ Net Promoter Score (NPS) ในปี 2016 เพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจประกันชีวิตไทยและอยู่ในระดับที่เป็นผู้นำด้านความภักดี ความพึงพอใจของลูกค้าในประเทศไทยที่มีต่อการให้บริการของฝ่ายสินไหม เพิ่มสูงขึ้นและเป็นอันดับ 1 ของตลาดเช่นกัน นอกจากนั้น ในมิติของพนักงาน อลิอันซ์ อยุธยา มีคะแนนเป็นอันดับ 1 ด้านความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร จากทุกบริษัทฯ ภายใต้กลุ่มอลิอันซ์ทั่วโลก ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจและความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรทั้งภายในและภายนอกที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางได้อย่างแท้จริง”
3 Pillars
การทำให้อลิอันซ์เป็นแบรนด์ระดับตำนานที่อยู่ในใจคนทั่วโลกนั้น พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวถึง 3 ยุทธศาสตร์หลักของการขับเคลื่อนธุรกิจว่า ประกอบด้วย
1.การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์/บริการ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิต และสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม อันเนื่องจากเทรนด์ของประชากรและสังคมที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยจะส่งผลต่อเนื่องที่สะท้อนถึงเทรนด์ภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้บริโภคที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งเทรนด์ค่ารักษาพยาบาลและความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายด้วย ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสเหมาะสมสำหรับ อลิอันซ์ อยุธยา ที่จะได้นำเสนอจุดแข็งของบริษัททางด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ โดยมีช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางหลักในการเสนอขายแบบประกันรูปแบบดังกล่าว โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพของไทย
2.การมุ่งสู่ดิจิตัล เพื่อตอบโจทย์กับ Digital Lifestyle ของผู้คนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ใช้เวลากับเครื่องมือดิจิทัลหลายชั่วโมงต่อวัน อลิอันซ์อยุธยาจึงมุ่งมุ่งเน้นใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำตลาดและให้บริการ โดยตลอดปีที่ผ่านมา เราได้มีเครื่องมือดิจิตัลรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยในการดำเนินธุรกิจ เช่น
3.การขับเคลื่อนการเติบโตผ่านช่องทางตัวแทน เน้นการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพ ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
Live The Legend
การดำรงอยู่ของแบรนด์ระดับตำนานและการทำให้แบรนด์อลิอันซ์มีชีวิตตลอดอายุขัยของแบรนด์นั้น พัชรายังคงวยินที่คีย์เวิร์ดของ Customer Centric หรือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
“บริษัทฯให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตรงนี้กล่าวได้ว่า Customer Centric คือ ส่วนหนึ่งที่เราทำให้ประสบความสำเร็จและถือเป็นจุดแข็งของเรา ทั้งในแง่การสร้างการเติบโตของธุรกิจและการดูแลลูกค้าเพื่อให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเราก็จะยังคงเดินหน้ายึดยุทธศาสตร์นี้ต่อไป เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทั้งสินค้าและบริการต่างๆ
นอกเหนือจากเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับงานบริการที่เหนือความคาดหมาย โดยภายในปี 2017 นี้ พนักงานของเราทุกคนจะถูกประเมินการทำงานจากสิ่งที่ทำว่ามีคุณค่ากับลูกค้ามากน้อยแค่ไหน หรืองานที่กำลังทำอยู่เป็นความสนใจหรือความต้องการของลูกค้าหรือไม
ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้มีการวัดผลชัดเจน ด้วยค่า NPS Score (คะแนนความพึงพอใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์จนอยากแนะนำต่อ) ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี แบรนด์ของเราอยู่ในตำแหน่งสูงสุดหรือรองอันดับ 1 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผลการจัดอันดับกล่าวแม้จะเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อเกิดผลลัพธ์ที่ดีเลิศแบบนี้แล้ว เราจะนิ่งเฉยหรือไม่ต้องปรับตัวแล้ว เนื่องจากเราเชื่อว่า สินค้าและบริการที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้ามองว่าบริษัทต้องมีให้ลูกค้าอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่จะเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ คือ เราต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของเรามากที่สุด ด้วยบริการพิเศษต่างๆ ซึ่งเราเชื่อว่า ความรู้สึกผูกพันเช่นนี้จากทำให้เกิดความภักดีกับแบรนด์และสามารถกลายมาเป็นผู้สนับสนุนที่ยินดีจะแนะนำ บอกต่อให้ผู้อื่นใช้บริการของเราอีกด้วย”
Brand Engagement
การสร้างความใกล้ชิดและการเข้าถึงผู้คนของแบรนด์นั้นถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของการสืบสายความเป็นตำนานของแบรนด์ ที่สำคัญ การขยายฐานลูกค้าและเปลี่ยน Non-Customer ให้เป็น Customer โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น สำหรับ อลิอันซ์ซึ่งเป็นแบรนด์เก่าแก่ถือว่าสำคัญและต้องปรับให้แบรนด์องค์กรและผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นหนุ่มส่าวอยู่เสมอนั้น พัชรากล่าวถึง
กลยุทธ์การสร้าง Brand Engagement กับผู้บริโภค โดยเฉพาะกับการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ว่า
“เป็นที่รู้กันว่า ปัจจุบันคนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ ดังนั้น เราจึงเน้นการสื่อสาร การให้บริการ หรือกิจกรรมที่สร้าง Brand Engagement บนช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น
AZAY 4.0
2017 นี้ถือเป็นปีที่ อลิอันซ์ อยุธยา จะมุ่งนำองค์กรเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ในทุกๆ ภาคส่วน ที่สำคัญ อลิอันซ์ อยุธยา ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นดิจิทัลฮับสำหรับภูมิภาคนี้ ซึ่งมีโครงการสำคัญด้านดิจิทัลต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นที่ประเทศไทยในหลายๆ ด้าน กล่าวคือ
สำหรับลูกค้า - บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มและแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ง่ายและช่วยให้ลูกค้าใกล้ชิดกับแบรนด์ของเรามากขึ้น อาทิ เครื่องมือการคิดคำนวณเบี้ยประกันภัย (Online Fast Quote) โดยลูกค้าสามารถค้นหารูปแบบกรมธรรม์หรือความคุ้มครองที่ต้องการได้ด้วยตนเอง, My Allianz ซึ่งเป็นแอพฯบริการหลังการขาย, Healthy Living ดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวบรวมไลฟ์สไตล์คอนเทนท์ สะสมคะแนนเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์มากมาย รวมทั้งพัฒนาช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับตัวแทน – บริษัทได้พัฒนาเครื่องมือด้านดิจิทัล เพื่อช่วยให้การเสนอขายสะดวกรวดเร็ว ผ่าน Allianz Discover ซึ่งเป็นโครงการระดับภูมิภาคที่จะใช้กับตัวแทนของอลิอันซ์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
สำหรับพนักงาน – บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก เพื่อมุ่งสู่การทำงานแบบไร้กระดาษ
นอกจากนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อน อลิอันซ์อยุธยา เข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มตัว ไบรอัน กล่าวเพิ่มเติมว่า
“บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ โดยถือเป็น ปีแห่งการสรรหา หรือ Year of Recruitment เนื่องจากตัวแทนใหม่ คือ กลุ่มคนที่จะสร้างผลงานให้กับบริษัทฯ ถึง 50% ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโต โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์คุ้มครองและแบบยูนิต ลิงค์ โดยปีนี้ เน้นการจัดสัมมนาทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด Life Changer เป็นการนำเอาวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ รวมทั้งตัวแทนรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ เดินสายแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตสู่ความสำเร็จ ซึ่งการสัมมนาครั้งแรกวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก โดยบริษัทฯตั้งเป้าสร้างตัวแทนใหม่ที่จะเข้ามาร่วมงานกับ อลิอันซ์ อยุธยา เพิ่มอีก 6,500 ราย ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์ด้านดิจิทัลที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจที่สำคัญในปีนี้ ผนวกกับการมุ่งเน้นสรรหาตัวแทนใหม่ เพื่อช่วยผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ รวมทั้งยูนิต ลิงค์ เราเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 6,500 ล้านบาทและเบี้ยประภัยรับรวม 32,500 ล้านบาท ในปี 2017 นี้ได้อย่างแน่นอน”
Challenging
อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพแล้ว แม้แบรนด์อลิอันซ์จะแข็งแกร่งระดับโลกและสืบสานความเป็นตำนานของแบรนด์มากกว่า 127 ปี แต่กระนั้น ความท้าทายของแบรนด์ก็ยังมี เนื่องจากคนไทยยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ พัชรากล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“ตรงนี้ถือเป็นความท้าทายที่ต้องทำให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันชีวิตและสุขภาพ ส่วนหนึ่งในแผนการตลาดเรามีมีการให้ความรู้เกี่ยวกับประกันชีวิตและสุขภาพ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์เสมอผ่านการสื่อสารที่เข้าใจงาน โดยเราทำมาต่อเนื่องผ่าน Infographic คลิปสั้นๆ เพื่อเผยแพร่ทางออนไลน์ นอกจากนั้น เรายังนำเสนอผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ในราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้”