Zipmex แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของเอเชีย ตอกย้ำความสำเร็จอีกขั้นด้วยการจับมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับประเทศ บริษัท 1.6 ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดให้นักลงทุนซื้อ-ขายอสังหาฯ ด้วยเหรียญคริปโทฯ ได้แล้ว ด้วยสกุลเงิน BTC, ETH, USDT และ ZMT

ภายใต้บริการ ZipSpend อันเป็นหนึ่งในหลายๆ โปรดักท์ที่ Zipmex บรรจุในโรดแมปเชิงยุทธศาสตร์ของตนเองในปีนี้ เพื่อให้นักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลซื้อหาสินค้า และบริการได้ในโลกเรียลลิสติกส์ โดยในช่วงแรก Zipmex จะโฟกัสที่สินทรัพย์ระดับไฮเอนด์ก่อน

โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท 1.6 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (บริษัท วัน พ้อยท์ ซิกซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2560 ด้วยความร่วมมือจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทายาทรุ่นที่ 4 ของสองตระกูลดัง ธัญทิพ เจียรวนนท์ และ ชวิน อรรถกระวีสุนทร โดยได้ร่วมลงทุนกับบริษัทระดับโลกอย่าง 'แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น' (MQDC) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ซื้อคอนโดมิเนียม ด้วยสกุลเงินดิจิทัลจาก The Strand ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส ระดับ Super Luxury ริมถนนสุขุมวิท ใกล้สถานีบีทีเอสทองหล่อ   

ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย

ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงการเปิดให้นักลงทุนซื้ออสังหาด้วยสกุลเงินดิจิทัลว่า "ทางซิปเม็กซ์เลือกให้มีการซื้อ-ขายอสังหาฯ ด้วยสกุลเงินดิจิทัลได้แล้ว ด้วยสกุลเงินที่มีความคล่องตัวนั่น คือ BTC (Bitcoin : บิทคอยน์), ETH (Ethereum : อีเธอเรียม สกุลเงินดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตามราคาตลาดรองจาก BTC), USDT (United States Dollar Tether สกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ), ZMT (Zipmex Token เหรียญจากกระดานเทรด Zipmex)"  

ดร.เอกลาภ กล่าวเพิ่มเติม อีกว่า "Zipmex เปิดกว้างสำหรับพันธมิตรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง 'Use-Case' ของการใช้สกุลเงินดิจิทัลในโลกแห่ความเป็นจริงให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากพันธมิตร ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว แต่ในอนาคตอาจจะเปิดกว้างสำหรับการซื้อขายอื่นๆ เช่น ที่ดิน นาฬิกา หรือสินค้ามูลค่าสูง เมื่อมีสินค้าระดับไฮเอนด์เริ่มครบในจำนวนหนึ่งแล้วก็จะค่อยๆ ไปจับมือกับกลุ่มพันธมิตรที่มีมูลค่าสินค้าที่ น้อยลง เช่น จักรยานยนต์"

ทั้งนี้ การใช้สกุลเงินดิจิทัลกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดร.เอกลาภให้ความเห็น ว่า "สำหรับระยะสั้นในแง่ของผู้ซื้อก็จะได้ประโยชน์จากส่วนต่างจากการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ณ ราคาที่ซื้อในขณะที่มีราคาถูกกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อคอนโดได้ในราคาที่ถูกขึ้น เช่น ซื้อบิทคอยน์ ณ ราคาที่เหรียญละแสนกว่าบาท ขณะที่ปัจจุบันขึ้นกว่าล้านบาทแล้ว ส่วนต่างตรงนี้ก็จะทำให้นักลงทุนสามารถซื้อคอนโดได้ถูก

ในส่วนของโครงการฯ การเปิดขายให้ซื้อขายด้วยสกุลเงินดิจิทัลได้ก็เท่ากับเป็นการดึงดูดใจให้เข้ามาซื้อได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ซื้อชาวต่างชาติ เนื่องจากการโอนสกุลเงินดิจิทัลจะสามารถทำได้ทันที สะดวกกว่าระบบการโอนเงินแบบดั้งเดิม และสามารถจ่ายได้ทั้งเงินดาวน์ ค่างวดฯลฯ ซึ่งการโอนก็ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการทำธุรกรรมและมีกรมที่ดินรับรองก็จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งนอกจากการอำนวยความสะดวกแล้วก็ยังเป็นการปกป้องการฟอกเงินด้วย

อย่างไรก็ตาม ในสภาะเศรษฐกิจเช่นนี้ เราเชื่อว่า น่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย แต่สำหรับระยะยาว เชื่อว่า น่าจะมีนักลงทุน ที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลอยู่มากพอสมควร และกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ อาจจะอยากกระจายโอกาสการลงทุนหรือเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์หรูทางด้านไลฟ์สไตล์และด้านอื่นๆ การที่เรามีความมั่นใจมากขึ้นนั้น เนื่องจากการทำเพย์เม้นท์ของสกุลเงินดิจิทัลในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น มีความปลอดภัยและแข็งแรงมากพอ หรือแม้แต่บิทคอยน์เอง ก็สามารถพิสูจน์ตนเองมาได้ว่า สามารถอยู่รอดมาได้ ทั้งการใช้งาน และวอลเล็ตก็เพิ่มขึ้น คนก็ให้ความไว้วางใจกับระบบนี้เพิ่มขึ้น เราก็คิดว่า น่าจะใช้สำหรับการซื้อขายคอนโดมิเนียมได้เช่นกัน ที่สำคัญในอนาคต เมื่อระบบของการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลพัฒนามากกว่านี้ และสามารถรองรับธุรกรรมที่ซับซ้อนได้มากกว่านี้ก็อาจจะทำให้สามารถทำสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ได้"

ในการซื้อขายด้วยสกุลเงินดิจิทัลนั้น ทางโครงการฯ จะคำนวณตามราคาตลาดว่า ราคาของสกุลเงินดิจิทัลหรือโทเค่นนั้น มีราคาเท่าไรและล็อกเรทราคากันไว้ และจะแจ้งว่าจะต้องโอนเงินดิจิทัลมาเป็นจำนวนเท่าใด แต่เมื่อมีการซื้อขายกันแล้ว หากทางโครงการฯ จะตัดสินใจถือสกุลเงินดิจิทัลต่อไป หรือจะขายเป็นเงินบาท ก็เป็นสิทธิของบริษัท และหากต้องการขายส่วนนี้ก็สามารถขายที่เซ็ปเม็กซ์ได้โดยตรง  

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้น ดร.เอกลาภ ให้ความเห็นทื้งท้าย ว่า

"ตลาดสกุลเงินดิจิทัลยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมองย้อนไป 12-13 ปี ตลาดฯ มีมูลค่าการลงทุนปัจจุบันถึง 1.33 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (39.9 ล้านล้านบาท) ขณะที่เมื่อ 6 ปีก่อนมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (6 ล้านล้านบาท)โดยเฉพาะสกุลเงินบิทคอยน์นั้นราคาเพิ่มขึ้นตลอด และทุก 4 ปี บิทคอยน์ที่ถูกส่งออกมาจะถูกหั่นเหลือครึ่งหนึ่ง และประมาณครึ่งปีที่หั่นจำนวนแล้วก็จะเกิดตลาดขาขึ้นที่ค่อนข้างรุนแรง โดยดูจากวัฏจักรในปี 2013 และปี 2017 จะเห็นว่า ตลาดขาขึ้นจะมีอายุประมาณหนึ่งปี

ส่วนปีนี้เพิ่งผ่านไปครึ่งปีก็คงยังตอบอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะสถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกยังเข้ามาลงทุนมากขึ้น ที่สำคัญ ขณะนี้มีโครงสร้างของตลาดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมีความแข็งแกร่งขึ้น มีกฎหมายและมาตรการความปลอดภัยมากขึ้น เช่น มีการยืนยันตัวตน ไม่ใช่แค่ใส่พาสเวิร์ดก็เปิดได้, มีผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลฯลฯ แต่ในอนาคต 5-6 ปีข้างหน้า เชื่อมั่นว่า ตลาดน่าจะมีมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐ"

ชวิน อรรถกระวีสุนทร บริษัท 1.6 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

ด้าน ชวิน อรรถกระวีสุนทร บริษัท 1.6 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (บริษัท วัน พ้อยท์ ซิกซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) กล่าวว่า

"โครงการ 'The Strand ทองหล่อ' เป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรู จำนวน 188 ยูนิต ระดับอัลตร้าลักซ์ชูรี ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ที่ชื่นชอบความหรูหรา และการออกแบบที่เน้นประโยชน์ใช้สอยสูงสุด  มูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่สนใจเปิดช่องทางให้สามารถจ่ายด้วยสกุลเงินดิจิทัลได้นั้น เนื่องจาก ผมเคยดูแลทุกภาคส่วนของฝ่ายธุรกิจในด้านวาณิชธนกิจที่ เจพี มอร์แกน มาก่อน จึงให้ความสำคัญกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ด้วยสกุลเงินดิจิทัล และเป็นที่มาของการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซิปเม็กซ์ เพราะในตอนนี้ เรากำลังวางแผนที่จะเปิดตัว NFT บนแพลตฟอร์มใหม่อยู่ รวมถึง Real Estate-Backed ICO และสำหรับโครงการในอนาคตที่มุ่งขยายตลาดไปที่นักลงทุนทั่วเอเชียแปซิฟิก”

“ที่ Zipmex เราเชื่อว่า ทุกวันคือวันใหม่สำหรับการเริ่มต้นแนวคิดใหม่ เราไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มที่กำลังเป็นที่ต้องการ สำหรับผู้ใช้ใหม่ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับการช่วยให้ผู้คนลงทุน และซื้อขายอย่างชาญฉลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง และช่วยให้คนเหล่านั้นทำตามความฝันได้สำเร็จ

การประกาศการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเป็นมากกว่าความสามารถในการซื้อคอนโดมิเนียม หรือรถยนต์ ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี แต่จะช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อสินทรัพย์เหล่านั้นได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยผลิตภัณฑ์ ZipUp และ ZipLock ของเราโดยที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการบนแพลตฟอร์มของเราที่ได้รับโบนัสเป็นประจำทุกวัน (APY สูงสุด 16%)

นั่นหมายถึงว่า พวกเขาสามารถจ่ายค่าจำนองเพื่อซื้อบ้านหรือรถในฝันได้แบบสบายๆ ในฐานะที่เราเป็นบริษัทที่เข้าสู่ตลาดไทยได้ไม่ถึง 10 เดือน ที่ผ่านมาเรียกได้ว่า เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมล้ำหน้าใหม่ๆ มากมายให้กับนักลงทุนของเราทุกคน”