รัฐประหารเมียนมา: ปัจจัยเร่งใช้มาตรการค้าอย่างมีจริยธรรมและความยั่งยืน
12 Jul 2021

 

ภายหลังจากที่กองทัพเมียนมาได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยกล่าวหาว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งปีที่แล้ว ชาวเมียนมาหลายแสนคนในหลายเมืองใหญ่ได้ออกมารวมตัวกันประท้วงต่อต้านกองทัพ และนำมาซึ่งการปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้ชาวเมียนมาเสียชีวิต และถูกจับกุมคุมขังหรือดำเนินคดี ปฏิกิริยาของนานาชาติต่อการรัฐประหารในครั้งนี้ ที่ชัดเจนที่สุดคือสหรัฐอเมริกาซึ่งเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีให้ดำเนินการคว่ำบาตรแกนนำก่อรัฐประหาร รวมถึงสมาชิกในครอบครัว และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

 

โดยออกประกาศแบนบริษัทที่เกี่ยวกับอัญมณีและหยก 3 บริษัท ได้แก่ Myanmar Ruby Enterprise, Myanmar Imperial Jade Co. และ Cancri (Gems and Jewellery) Co. และในวันที่ 8 เมษายน 2564 สหรัฐฯสั่งห้ามชาวอเมริกันทำธุรกิจกับบริษัท Myanmar Gems Enterprise ต่อมาในวันที่ 21 เมษายน 2564 สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control: OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ประกาศคว่ำบาตรบริษัท Myanmar Pearl Enterprise (MPE) บริษัทผู้ผลิตมุกซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเมียนมา รวมถึงสหราชอาณาจักรก็ได้ประกาศคว่ำบาตรบริษัท Myanmar Gems Enterprise อีกด้วย

 

การค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย-เมียนมา 

พลอยก้อนเป็นสินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากเมียนมามาสร้างมูลค่าเพิ่มโดยทั่วไปพลอยสีจากเมียนมาไหลเข้ามายังไทยมี 2 รูปแบบ คือ แบบถูกต้องตามกฎหมาย และลักลอบนำเข้า ซึ่งการที่พ่อค้าเมียนมานำพลอยสีเข้ามาขายแบบถูกกฎหมาย ต้องเสียภาษีให้รัฐบาล ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น พ่อค้าเมียนมาส่วนหนึ่งจึงลักลอบนำพลอยสีมาขายในไทยผ่านชายแดนไทย-เมียนมา จึงทำให้ตัวเลขการนำเข้าส่งออกพลอยสีระหว่างไทยและเมียนมาที่ปรากฎอย่างเป็นทางการมีมูลค่าค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างคาดการณ์ว่าการค้าพลอยสีที่แท้จริงของทั้งสองประเทศน่าจะมีมูลค่าสูงกว่าตัวเลขที่ปรากฎอยู่หลายเท่าตัว

 

 

นับตั้งแต่สหรัฐฯยกเลิกกฎหมาย Jade Act 2008 ในเดือนตุลาคม 2559 การค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย-เมียนมาก็เพิ่มสูงขึ้น โดยไทยนำเข้าสินค้าหลักคือ พลอยสีจากเมียนมาเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ก่อนจะเริ่มลดลงในปี 2563 เนื่องจากดีมานต์พลอยสีของตลาดโลกลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2564 ไทยนำเข้าพลอยสีจากเมียนมา เพิ่มขึ้นถึง 106% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เฉพาะเดือนมีนาคมปีนี้นำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 296% คาดว่าเพื่อสต๊อกเก็บไว้ ด้วยเกรงว่าอาจนำเข้าได้ยากขึ้นหากเหตุการณ์ในเมียนมายังคงรุนแรงต่อไป

จากเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ยังคงปะทุอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจการห้างร้านต้องปิดชั่วคราว แรงงานหยุดงานในหลายพื้นที่ การขนส่งไม่คล่องตัว รวมถึงสถาบันการเงินมีการกำหนดเงื่อนไขในการเบิกจ่าย อย่างไรก็ตามปัจจุบันกองทัพ เมียนมายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือออกมาตรการจำกัดการนำเข้าส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับระหว่างไทย-เมียนมาแต่อย่างใด ดังนั้นการค้าอัญมณีและเครื่องประดับระหว่างไทยกับเมียนมา จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ อย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้

 

การค้าพลอยสีหลังรัฐประหารในเมียนมา

เป็นเวลากว่า เดือนแล้ว ที่สหรัฐฯและสหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตรไม่ทำธุรกรรมการค้ากับบริษัทอัญมณีและหยกของเมียนมา หากแต่ธุรกรรมการค้าเหล่านี้ของเมียนมาก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ตามปกติ ดังจะเห็นได้จากการที่บริษัท Myanmar Gem Enterprise ของรัฐบาลทหารยังคงจัดงานประมูล Myanmar Gems Emporium ขึ้นในช่วงวันที่ 1 – 10 เมษายน 2564 กรุงเนปิดอว์ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าโดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเดินทางมาร่วมประมูลถึง 3,000 คน โดยจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าหยกรายใหญ่ที่สุดของเมียนมา ราว 99% ของหยกเมียนมาถูกจำหน่ายเข้าไปยังตลาดจีนซึ่งมีกำลังซื้อสูงและนิยมบริโภคหยกมากที่สุดในโลก และเนื่องจากรัฐบาลจีนไม่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อเหตุการณ์ในประเทศเมียนมาด้วยแล้ว การค้าอัญมณีและหยกระหว่างจีนและเมียนมาจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

 

เนื่องจากเมียนมาเป็นแหล่งผลิตพลอยสีหลากหลายชนิดรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก แต่เหตุการณ์ความไม่แน่นอนในขณะนี้ ทำให้ผู้ค้าพลอยสีทั่วโลก ต่างคาดว่าปริมาณพลอยสีจากเมียนมา อาจจะออกมาสู่ตลาดโลกน้อยลง โดยเฉพาะทับทิมสีเลือดนก และทับทิมที่ไม่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ทับทิมจากเมียนมา ยิ่งมีราคาสูงมากขึ้น อีกทั้งเกรงว่าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป อาจออกมาตรการห้ามนำเข้าพลอยสีจากเมียนมาในทุกกรณีในอนาคต หลายประเทศจึงได้เร่งนำเข้าจากพลอยสีจากเมียนมาเพื่อเก็บสต๊อกไว้

 

แต่ขณะเดียวกัน ผู้ค้าในหลายประเทศอาจยังมีกำลังซื้อจำกัด เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า จึงอาจหันไปนำเข้าพลอยสีที่มีคุณภาพดีแต่ราคาต่ำกว่าจากแหล่งอื่นแทนอย่างประเทศในแถบแอฟริกา เช่น มาดากัสการ์ แทนซาเนีย เป็นต้น และอาจผลักดันให้พลอยสีจากแหล่งผลิตสำคัญในทวีปแอฟริกามีราคาสูงขึ้นได้

 

 

สำหรับประเทศไทย นั้นปัจจุบันพลอยก้อนของเมียนมายังคงไหลเข้ามาในไทยได้ตามปกติ เพราะไทยเป็นศูนย์กลางการปรับปรุงคุณภาพ และเจียระไนพลอยสีที่สำคัญของโลก และแม้ว่าไทยจะไม่สามารถส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้แต่มีความเป็นไปได้สูงที่พ่อค้าจากตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และนิยมทับทิมจากเมียนมาก็พร้อมที่จะรับซื้อพลอยสำเร็จเหล่านี้เข้าประเทศ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการไทยอาจมีภาระเพิ่มเติมด้านเอกสารหลักฐานที่ต้องแสดงเพื่อยืนยันถึงแหล่งที่มาของอัญมณีกรณีที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งน่าจะมีการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น

 

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันการทำเหมืองอัญมณีในเมียนมายังห่างไกลจากมาตรฐานสากล แรงงานขาดคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งจากเหตุการณ์รัฐประหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงกระแสในปัจจุบันที่เรียกร้องให้ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Sourcing) ด้วยการคำนึงถึงจริยธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง RJC (Responsible Jewelry Council) ซึ่งหลายประเทศมีแนวโน้มในการเข้าสู่แนวทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง จึงอาจถือเป็นปัจจัยเร่งที่กระตุ้นให้ประชาคมอัญมณีและเครื่องประดับโลกหันมาให้ความสำคัญต่อกระแสนี้กันมากขึ้น และเร่งแสดงเจตจำนงในการปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและความโปร่งใส อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

 


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน

>>> https://infocenter.git.or.th 

[อ่าน 6,323]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ซีพี ออลล์” ร่วมรำลึกพระคุณครู เชิดชูครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง
Valentine’s Item! สมูทอีคอลแลปส์หลิง-ออม เปิดตัว “Smooth E x Ling-Orm Exclusive Valentine’s Box Set”
LPN มุ่งสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน เดินหน้าสร้าง Carbon Neutrality
SCG ร่วมกับสภาอุตฯ ชวนผู้ประกอบการสัมผัสนวัตกรรม Low Carbon และเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม 4.0
ไฮเออร์ ประเทศไทย ยิ้มรับปี 68 กวาดรายได้ปี 67 โต 11,000 ล้านบาท
เอ็ม ดิสทริค จับมือพันธมิตรสร้าง มอบอภิมหาโปรโมชั่น ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็งสุดยิ่งใหญ่
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved