ประเด็นฮ็อตล่าสุดที่กลายเป็นปมดราม่าบนโลกโซเชียลแม้ไม่มีประเด็นที่ต้องตีความทางกฎหมาย แต่ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นแบบตีกลับ คือ มาตรการลงโทษทางสังคมที่มีประชาชนทั้งฝ่ายลูกค้าและฝ่ายร้านค้าร่วมกันบอยคอตในวงกว้าง #แบนfoodpanda #แบนฟู้ดแพนด้า เต็มฟีดทวิตเตอร์ จากการแสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรง และปลดพนักงานที่เข้าร่วมชุมนุม 18 ก.ค.
จริงๆ แล้วการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเมืองขั้วไหนก็ตาม ถ้าตราบใดไม่ละเมิด หรือก้าวล่วงสถาบันหลักของชาติ หรือผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งหากทวิตเตอร์ @foodpanda_th มองว่า นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ ก็น่าจะสอบสวนกันภายใน อีกทั้งปฏิกิริยาตอบสนองเพื่อสื่อสารในฐานะเจ้าของแบรนด์ ก็ควรต้องผ่านการกลั่นกรอง โดยเฉพาะถ้อยคำก่อนที่จะสื่อสารออกไปในฐานะตัวแทนของแบรนด์
แต่ด้วย 'รีแอคชั่น' ที่แถลงบนทวิตเตอร์ของตนเองที่ระบุว่า "จะให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานทันที โดยนโยบายบริษัท คือ ต่อต้านความรุนแรง และ การก่อการร้ายทุกรูปแบบ" จนนำมาซึ่งความไม่พอใจและเกิดกระแส #แบนfoodpanda #แบนฟู้ดแพนด้า และมีผู้ใช้งานทยอยลบแอปฯ และลบบัญชี เพื่อเป็นการแสดงจุดยืน
คิดต่าง ไม่ได้แปลว่า คิดผิด
ประเด็นที่แอดมินตอบอย่างขาดความรอบคอบ คือ คำว่า ต่อต้านความรุนแรง และ การก่อการร้ายทุกรูปแบบ เนื่องจากคนที่ไปร่วมชุมนุมแน่นอนว่า ส่วนใหญ่แค่ต้องการแสดงออก ระบายความอัดอั้นที่หนักหนาในภาวะวิกฤติโควิด-19 เช่นนี้จะมีการจุดชนวนไปสู่ความรุนแรงก็จากคนจำนวนไม่มาก จนนำไปสู่การปะทะกัน แต่นั่นก็ไม่ควรเรียกขานคือ 'การก่อการร้าย' เพราะคนที่ร่วมชุมนุมก็เป็นพลเมืองร่วมชาติ เป็นคนไทยด้วยกัทั้งนั้น
'คิดต่าง' ไม่ได้แปลว่า 'คิดผิด'
นี่คือสัจธรรมที่เกิดขึ้นจริง 'คิดต่าง' อาจแปลความให้ 'คิดต่อ' ก็ได้ ถ้าใจเปิดกว้างและคิดบวกกว่านี้ ความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นหลายต่อหลายจุดในประเทศและในโลกใบนี้ แต่ทุกคนก็อยู่กับมันไปได้
เพราะวันนี้มีโจทย์ของผู้คนที่ใหญ่กว่านั้น นั่นคือ ความอยู่รอดในภาวะวิกฤติ
ขอโทษ แต่แบรนด์เน่าแล้ว
#แบนfoodpanda #แบนฟู้ดแพนด้า ที่นำไปสู่การลบแอป ลบบัญชี จนฟู้ดแพนด้าต้องออกมาประกาศขอโทษผ่านทางเพจเฟซบุ๊กว่า
"เราขออภัยสำหรับข้อความจากทีมงานที่โพสต์ก่อนหน้าเรายังคงตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราขออภัยอย่างสูงสำหรับการตอบกลับคอมเม้นต์และการตัดสินอย่างไม่ละเอียดถี่ถ้วนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในขณะที่ทีมงานยังคงตรวจสอบข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น
เราเสียใจที่ทำให้ผู้บริโภคทุกท่านและร้านค้าพันธมิตรผิดหวังกับการแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า เราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างระมัดระวังที่สุด ก่อนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในลำดับต่อไป"
เกม 'แก้ปัญหาระยะสั้น หั่นแบรนด์ระยะยาว' อย่างไม่รอบคอบของแอดมินบนทวิตเตอร์นี้ แม้จะมีการขอโทษ แต่ผลที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียใน Ecosystem ของฟู้ดแพนด้าเอง นั่นคือ
"ในขณะที่ผู้คนกำลังโหมแบนแพนด้าในขณะที่ร้านค้ากำลังโบกมือลาแพนด้า ในขณะที่ลูกค้าหลายคนลบแอปฯ ทิ้งไป อยากให้คุณรู้ไว้ว่า ในขณะที่คุณกำลังทำสิ่งต่างๆ ไรเดอร์มากมายหลายคนที่อยู่ใน มุมหลังห้องตอนนี้ กำลังทุกข์ใจ เสียใจ ร้องไห้ อยู่ว่า พวกเราผิดอะไรทำไมจะต้องได้รับผลกรรมนี้ !!!
หลายคนอาจบอกว่าให้ไปสมัครค่ายอื่น...บางคนไม่สามารถสมัครขับในค่ายอื่นได้ ทั้งเรื่องคดีและเรื่องต่างๆ หลายคนมีข้อจำกัดในแต่ละค่าย บางคนตกงานมาเหลือเงินมาก้อนสุดท้ายกะว่าจะมาลืม ตาอ้าปากกับการเป็นไรเดอร์ แต่ต้องตื่นมาพบกับฝันร้าย ในขณะที่ข่าวนี้กำลังโหมกระหน่ำ พวกคุณรู้ไหมว่าตอนนี้ไรเดอร์ทุกคนพูดเหมือนกันว่า 'พรุ่งนี้จะเป็นยังไง' ไม่มีใครรู้ได้เลย...ต่อให้งานจะน้อยลง พวกเราก็ยังคงออกไปทำงานเหมือนเดิม!!!"
นอกจากขอโทษ เยียวยาอย่างไร
การออกมาขอโทษกับสังคมนับเป็นความกล้าหาญของแบรนด์แล้ว
แต่สิ่งที่แบรนด์พึงระลึกถึงเสมอ คือ การสื่อสารของแบรนด์ในนามองค์กร ไม่ช่ 'ตอบส่งๆ' แบบ 'ผีผลัก'
สิ่งที่แบรนด์ยังคงต้องดำเนินการต่อไป ไม่ใช่แค่การหาไรเดอร์ที่เข้าไปในเหตุการณ์ชุมนุม แต่ต้องมีบทลงโทษสำหรับแอดมินที่ตอบด้วย 'อาการผีผลัก' และ 'สิ้นคิด' อย่างเด็ดขาดด้วยเช่นกัน ทั้งที่ธุรกิจฟู้ดแพนด้าถือเป็นธุรกิจที่ช่วยให้ผู้คนมีอาชีพ มีงานทำในภาวะแห่งความยากลำบาก แต่การตอบอย่างขาดวุฒิภาวะเช่นนี้สะท้อนถึงฐานคิดที่มีต่อคนไทย และสังคมไทยอย่างบูดๆ เบี้ยวๆ ด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่แบรนด์ควรดำเนินการต่อเนื่องอีกประการ คือ การดูแลผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียใน Ecosystem ของฟู้ดแพนด้า ทั้ง ร้านค้า ลูกค้า และไรเดอร์ โดยเฉพาะไรเดอร์ที่หาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายส่งอาหารให้ผู้คนนั้น ฟู้ดแพนด้าควรเยียวยาหรือช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างไรบ้าง เพราะจะว่าไป ฟู้ดแพนด้า เองก็เหมือน 'เสือนอนกิน' ที่หากินกับระบบ มีรายได้จากค่า GP ที่ได้จากร้านค้า แต่กลับมีแอดมินที่ขาดวุฒิภาวะออกมาทำทำหน้าที่ 'สุนัขเฝ้าบ้าน' อย่างไร้สติ
จะรอดูก้าวต่อไปของ ฟู้ดแพนด้า กับปมดราม่าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
เพราะแค่คำว่า ขอโทษ คงไม่เพียงพอกับ แบรนด์ฟู้ดแพนด้า เสียแล้ว