กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 2564 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 21,048 ล้านบาท หลังออกมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงินแก่ลูกค้าผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างต่อเนื่อง หนุนสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 3.5% ภายใต้การบริหารความเสี่ยงด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำเพียง 2.03%
ธนาคารเดินหน้าดำเนินมาตรการช่วยเหลือในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ครอบคลุมการปรับโครงสร้างหนี้ การขยายเวลาพักชำระหนี้ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและสนับสนุนด้านสภาพคล่องทางการเงินสำหรับผู้ประกอบธุรกิจและครัวเรือน
สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2564
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรียังคงให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านมาตรการด้านสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการสนับสนุนด้านสภาพคล่องและสินเชื่อฟื้นฟูเพิ่มเติมตามความจำเป็น”
“นอกจากนี้ ธนาคารจะดำเนินการติดตามและจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบระมัดระวังเพื่อความแข็งแกร่งของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร และมุ่งเน้นที่การกำกับดูแลด้วยความเข้มงวดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าธนาคารมีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองอยู่ในระดับสูงและเพียงพอที่จะรองรับกับความท้าทายทางการเงินและเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า”
“แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นจากการกลายพันธุ์ของไวรัสใน
ไตรมาสที่สองของปี 2564 ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความล่าช้าและเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กรุงศรีจึงปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จาก 2.0% มาอยู่ที่ 1.2% ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2564”
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.82 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.89 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.66 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 275.46 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.80% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.76%