กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) ร่วมผลักดันนวัตกรรมบริการ cross-border QR payment ชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์ระหว่าง “ไทย-อินโดนีเซีย” ให้ธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัย ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ
พร้อมเปิดให้บริการผ่านกรุงศรี โมบาย แอปพลิเคชัน (KMA) ในเดือนกันยายน 2564 นี้ และหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและสามารถเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ กรุงศรีพร้อมสนับสนุนให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง ยกระดับสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศให้กับลูกค้าไทยและอินโดนีเซีย ตอกย้ำการขับเคลื่อนแผนธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 ของกรุงศรี
ยิ่งลักษณ์ คงคาสัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน กลุ่มงานธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
“นวัตกรรมบริการ cross-border QR payment เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียน หรือ ASEAN Payment Connectivity ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอื่นในภูมิภาคASEAN เพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางการเงินในระดับภูมิภาค
อีกทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกรุงศรีในการมุ่งขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Expansion) ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางของธนาคาร
โดยกรุงศรีใช้ศักยภาพความเชี่ยวชาญที่มีในการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ให้ลูกค้าคนไทยสามารถใช้กรุงศรี โมบาย แอปพลิเคชัน (KMA) สแกนคิวอาร์ของร้านค้าเพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการในอินโดนีเซียได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งลูกค้าจะเห็นยอดการชำระเงินเป็นสกุลเงินบาท รู้อัตราแลกเปลี่ยนทันทีด้วยอัตราพิเศษกว่าการชำระด้วยบัตรเครดิต ขณะเดียวกันลูกค้าของธนาคารในอินโดนีเซียก็สามารถใช้โมบายแอปพลิเคชันที่ร่วมให้บริการในการสแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยได้ด้วยเช่นกัน ทำให้การทำธุรกรรมข้ามประเทศเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น”
ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงไม่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศได้ นวัตกรรมบริการ cross-border QR payment นี้จะตอบโจทย์การใช้งานในกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ทำงานในอินโดนีเซียและชาวอินโดนีเซียที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย กรุงศรีเชื่อมั่นว่าบริการดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์การใช้งานกลุ่มลูกค้ารายย่อยได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งกรุงศรีพร้อมผลักดันให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง
“นอกจากนวัตกรรมบริการ cross-border QR payment ระหว่างไทย และอินโดนีเซีย ที่กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยแล้ว กรุงศรีกำลังเร่งพัฒนาความร่วมมือในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ผ่านธนาคารพันธมิตรภายใต้เครือข่ายของ MUFG เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำธุรกรรมการค้าระหว่างไทย และอินโดนีเซีย ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งคาดว่าสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4/2564 นี้ อีกด้วย”
ก่อนหน้านี้กรุงศรีประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำในการทำธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นซึ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าคนไทยในการชำระเงินผ่านโมบายแอปพลิเคชันด้วยการสแกนคิวอาร์ และยังเตรียมขยายไปประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
MUFG Bank เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นด้วยเครือข่ายครอบคลุมในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยในต่างประเทศ MUFG Bank นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งในด้านธุรกิจและการลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ภาครัฐ และลูกค้ารายย่อยทั่วโลก
สำหรับในภูมิภาคเอเชีย MUFG Bank ให้บริการครอบคลุมในกว่า 20 ประเทศประกอบด้วย ออสเตรเลีย บังกลาเทศ กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เมียน มา นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม
นอกจากนี้MUFG Bank ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับหลายธนาคารที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้สามารถนำเสนอบริการอย่างครอบคลุมผ่านเครือข่าย ซึ่งประกอบไปด้วย VietinBank ในเวียดนาม กรุงศรี ในไทย Security Bank ในฟิลิปปินส์ และ Bank Danamon ในอินโดนีเซีย
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english