กรีนเดย์ เปิดร้านแฟล็กชิปแห่งแรกที่โชว์ดีซีห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ในขนาดพื้นที่ 279.91 ตรม. นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองแล้ว กรีนเดย์ยังมีบริการรับผลิตสินค้าให้แก่ลูกค้าเฉพาะรายจากต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
นายตัน เชา ยิน หุ้นส่วนของไดมอน เอเชียกล่าวว่า “กรีนเดย์เป็นแบรนด์ที่เราชื่นชอบมานานพอควรแล้ว แต่เราก็ยิ่งชอบแบรนด์นี้มากยิ่งขึ้นไปอีกหลังจากที่มีการร่วมมือทางธุรกิจกัน คุณชัยรัตน์และครอบครัวคงศุภมานนท์ได้ปลุกปั้นบริษัทจนกลายมาเป็นผู้นำตลาดสร้างสรรค์ในกลุ่มอาหารว่างเพื่อสุขภาพ ในทุกขั้นตอนการผลิต เราจะได้เห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของครอบครัวนี้ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเลยกลายเป็นอาหารว่างที่เด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชอบ ส่วนที่ดีที่สุดคือทุกคนกินขนมนี้ได้มากเท่าที่ต้องการ เราต่างก็ตื่นเต้นกับการร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้มาก และหวังว่าจะได้ร่วมงานกันกับครอบครัวคงศุภมานนท์และทีมบริหารอย่างใกล้ชิด”
นายชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกรีนเดย์และผู้ริเริ่มการผลิตขนมว่างจากผักและผลไม้แบรนด์กรีนเดย์กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการลงทุนจากไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตี การลงทุนที่ว่าจะช่วยให้เราเติบโตไปอีกขั้นหนึ่งและช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตได้อย่างยั่งยืนเราพยายามมองหาคู่ค้าทางธุรกิจที่เหมาะสมมาสักพักหนึ่งแล้วและรู้สึกยินดีที่คุณเชา ยินและทีมได้นำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ๆ และช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ของเรา เราหวังว่าความร่วมมือจากไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตีจะช่วยเราในการสร้างแบรนด์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กร และพัฒนากลยุทธ์ด้านการจัดจำหน่ายให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซี่งภายหลังจากการร่วมทุนแล้วบริษัทได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 200 ล้านบาท และสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) สมุทรปราการ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดที่มากขึ้น
“ในปัจจุบันมีสินค้าที่ผลิตจากผักผลไม้รวมประมาณ 30 ชนิด ขายในประเทศและต่างประเทศสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง มีฐานลูกค้าใน 25 ประเทศทั่วโลก หลักๆ คือ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี ซาอุดิอารเบีย และในยุโรป ซึ่งที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กระเจี๊ยบกรอบ บร็อกโคลี่กรอบ สตรอเบอร์รี่กรอบและมะพร้าวกรอบ โดยในปี2561 บริษัทตั้งเป้าจะผลิตให้ได้เต็มเพดานจากโรงงานทั้ง 2 แห่ง อยู่ที่ 1,800 ตัน และคาดว่าจะทำให้มียอดขายโตกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30% โดยมีช่องทางจำหน่ายที่ ท็อปส์, เดอะมอลล์, วิลล่า, ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์, B2S, บิ๊กซี, โชว์ ดีซี, เซเว่น และแฟมิลี่ มาร์ท” นายชัยรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย